จับหนุ่มปราจีนฯ ปลอมโซเชียล รองต่อศักดิ์ คุยสาวกว่า 20 คน

วันที่ 17 พ.ค. 2566 เวลา 10:33 น.

ตำรวจไซเบอร์จับหนุ่มปราจีนฯ ปลอมโซเชียล รองต่อศักดิ์ คุยสาวกว่า 20 คน พบป่วยจิตเวช เจ้าตัวคอตกรับสารภาพ ฟาก รอง ผบ.ตร.ไม่ติดใจเอาความ เตือนอย่าทำอีก วันนี้(17 พ.ค.2566) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร. ร่วมกับ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบกรณีผู้ใช้สื่อโซเชียลมีเดียชื่อ "พลตํารวจโท ใหญ่ สิธิมงคล" มีการใช้รูปของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เป็นโพรไฟล์ เกรงว่าจะใช้ไปในทางผิดกฎหมาย โดยการตรวจสอบครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากประชาชน หลังพบว่ามีผู้ใช้โพรไฟล์ดังกล่าวนำรูปของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ มาใช้ จึงรายงานผู้บังคับบัญชา ก่อนที่ รอง ผบ.ตร.จะมอบหมายให้ บช.สอท.เร่งตรวจสอบ ต่อมาตำรวจสืบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายเชาวฤทธิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ชาวบ้าน ม.3 ต.โนนห้อม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี จึงนำกำลังไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบนายเชาวฤทธิ์ จึงแสดงตัวพร้อมกับขอตรวจสอบอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ พบบทสนทนาในแชตเฟซบุ๊กดังกล่าว ทักไปสนทนากับผู้หญิงสาวที่เป็นเพื่อนในเฟซบุ๊ก ลักษณะเชิงชู้สาว จํานวนกว่า 20 คน แต่ไม่ปรากฏว่าเกิดความเสียหาย หรือมีผู้หลงเชื่อ นอกจากนี้นายเชาวฤทธิ์ ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง พร้อมกล่าวขอโทษที่ได้กระทำลงไป ส่วนสาเหตุที่ทำเพราะชื่นชอบในตัวของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ อีกทั้งต้องการพูดคุยกับหญิงสาวเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาไปหลอกลวงในทางอื่น อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบยังพบว่าผู้ก่อเหตุมีบัตรประจำตัวผู้ป่วยของ รพ.จิตเวชสระแก้วราชนครินทร์  ขณะที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์  กล่าวว่า  จากการตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้นไม่ได้มีการนำไปใช้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ใด ๆ อีกทั้งผู้ก่อเหตุมีอาการทางจิตเวช เป็นผู้ป่วย ซึ่งตนไม่ได้ติดใจเอาความ จึงได้ว่ากล่าวตักเตือนไม่ให้กระทำแบบนี้อีกไม่ว่ากับใครก็ตาม และไม่ได้ดำเนินคดีเพียง ให้ทางเจ้าหน้าที่ประสานไปยัง รพ.เพื่อนำตัวส่งรักษา และทำบันทึกและตรวจสอบประวัติก่อนปล่อยตัวไป อย่างไรก็ตามส่วนตัวไม่ได้เล่นเฟซบุ๊ก ฝากไปยังพี่น้องประชาชนว่าปัจจุบันเทคโนโลยีมีความสำคัญเป็นอย่างมากในการติดต่อสื่อสารการที่จะพูดคุยกับใครจะต้องตรวจสอบโปรไฟล์ให้ดี ว่าบุคคลที่เราพูดคุยนั้นมีโปรไฟล์ชัดเจนหรือไม่ ในกรณีที่แอบอ้างเป็นตนหรือข้าราชการตำรวจสามารถตรวจสอบได้จากแอปพลิเคชันของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้มีการระบุข้อมูล ชื่อ-สกุล เบอร์โทรศัพท์ สังกัดรวมอยู่ในนั้น จึงอยากประชาสัมพันธ์เพราะห่วงประชาชนว่าจะตกเป็นเหยื่อ เพราะมีเคสลักษณะนี้ที่ไม่ตรวจสอบสุดท้ายถูกทำมิดีมิร้ายตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ เกิดความเสียหายทั้งร่างกายและทรัพย์สิน