เลือกตั้ง 2566 : เครือข่ายประชาชนฯ ออกแถลงการณ์เปิดข้อกังวลต่อการเลือกตั้งล่วงหน้า 7 พ.ค. 66

วันที่ 11 พ.ค. 2566 เวลา 14:20 น.

“เครือข่ายประชาชนสังเกตการณ์การเลือกตั้งปี 2566” ออกแถลงการณ์ เรื่องความเห็นต่อการเลือกตั้งทั่วไปล่วงหน้า-นอกเขต วันที่ 7 พ.ค. 2566 พบข้อกังวล 7 ประเด็น โดยแถลงการณ์เรื่องความเห็นต่อการเลือกตั้งทั่วไปล่วงหน้า-นอกเขต วันที่ 7 พ.ค. 2566 ของเครือข่ายประชาชนสังเกตการณ์การเลือกตั้งปี 2566 ระบุว่า บรรยากาศวันเลือกตั้งล่วงหน้าเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนออกมาใช้สิทธิเป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ในการมีส่วนร่วมต่อกิจกรรมพื้นฐานของการปกครองระบอบประชาธิปไตย และพบว่าประชาชนตื่นตัวออกมาลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้ามากกว่า 2.2 ล้านคน ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เครือข่ายประชาชนฯ ขอชื่นชมคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) ทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ตั้งแต่เช้าจรดเย็น อันเป็นการทำงานภายใต้สภาวะอากาศที่ร้อนจัดตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังพบว่า กปน. ส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือกับการสังเกตการณ์การเลือกตั้งเป็นอย่างดี จนมีส่วนช่วยให้การเลือกตั้งลุล่วงผ่านไปได้ ทั้งนี้ ข้อกังวลที่มาจากข้อค้นพบ จากการสังเกตการณ์การเลือกตั้ง ยังคงมีข้อกังวลต่อการเลือกตั้งหลายประการ แบ่งเป็น 7 ประเด็น ดังต่อไปนี้ 1. เจ้าหน้าที่เขียนหมายเลขเขตเลือกตั้งผิด เครือข่ายประชาชนฯ มีข้อกังวลต่อระบบการจัดการฝึกอบรมและให้ข้อมูลต่อ กปน. เนื่องจากพบว่า กปน. บางส่วน มีความเข้าใจในกระบวนการจัดการเลือกตั้งที่คลาดเคลื่อน โดยเฉพาะขั้นตอนการเขียนรายละเอียดบนซองใส่บัตรเลือกตั้งที่ผิดพลาด ตัวอย่างเช่น ระบุหมายเลขเขตเลือกตั้งผิด เป็นรหัสไปรษณีย์ และระบุเลขรหัสเขตเลือกตั้งผิดเขต ซึ่งมีข้อกังวลว่าจะทำให้บัตรเลือกตั้งส่งกลับไปไม่ถึงเขตเลือกตั้งตามภูมิลำเนา โดยหากส่งไปผิดเขตเลือกตั้ง อาจทำให้ผลคะแนนไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ จนไม่อาจกล่าวได้อย่างชัดเจนว่า เป็นความผิดพลาดเล็กน้อยของ กปน. แต่เป็นปัญหาในเรื่องความเข้าใจกระบวนการจัดการเลือกตั้งของคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งควรจะต้องได้รับการฝึกอบรมการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันทั้งประเทศ อันเป็นเรื่องพื้นฐานของการจัดการเลือกตั้งที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีหน้าที่รับผิดชอบในการกำกับดูแล 2. การเสียสิทธิของผู้ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า แม้ว่าการเลือกตั้งล่วงหน้าจะมีจำนวนผู้มาใช้สิทธิกว่าร้อยละ 91 นับ ประมาณ 2 ล้านคน แต่ยังเป็นเรื่องน่าแปลกใจ ที่ประชาชนที่มีความตั้งใจจะรักษาสิทธิในการเลือกตั้งของตน โดยเลือกใช้วิธีการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้ง แต่กลับไม่ได้ไปใช้สิทธิกว่า 2 แสนคน นับได้ว่ามีประชาชนที่เสียสิทธิไปจำนวนมหาศาล และส่งผลกระทบสำคัญต่อผลการเลือกตั้ง การที่มีประชาชนเสียสิทธิเลือกตั้งจำนวนมากเช่นนี้ เป็นประเด็นสำคัญที่มิอาจละเลยได้ จำเป็นจะต้องมีการทบทวนว่า การจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ผ่านมา ได้มีการประชาสัมพันธ์ การอำนวยความสะดวก และการจัดมาตรการรองรับการใช้สิทธิที่เพียงพอต่อผู้มาใช้สิทธิจำนวนมากหรือไม่ อีกทั้งยังไม่พบว่า กกต. มีมาตรการที่เปิดให้ประชาชนได้มีโอกาสกลับไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ในวันที่ 14 พ.ค. 2566 โดยมีข้อสังเกตเปรียบเทียบกับการเลือกตั้งปี 2557 ที่เปิดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่อาจไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าได้ตามได้ลงทะเบียนไว้ สามารถไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งในวันเลือกตั้งได้ 3. การลงทะเบียนก่อนวันเลือกตั้ง ในวันสุดท้ายของการเปิดให้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า-นอกเขตเลือกตั้ง ในวันที่ 9 เม.ย. 2566 มีประชาชนจำนวนมากไม่สามารถลงทะเบียนให้ทัน เนื่องจากเว็บไซต์สำหรับการลงทะเบียน เกิดเหตุขัดข้องตั้งแต่เวลาราว 21.00 น. นับเป็นประเด็นที่ต้องตั้งคำถามต่อการเตรียมความพร้อมในการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งอาจคาดหมายได้ล่วงหน้าว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะใช้เวลาตัดสินใจ และเลือกลงทะเบียนในวันสุดท้ายเป็นจำนวนมาก ความผิดพลาดเช่นนี้ ทำให้ไม่อาจกล่าวได้ว่าการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้า มีการเตรียมการอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรองรับการใช้สิทธิของประชาชนได้อย่างครบถ้วน 4. ความสับสนต่อบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ รายละเอียดของข้อมูลไม่ตรงกัน บัตรเลือกตั้ง สส.ทั้ง 2 ประเภท คือ 1. บัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขต และ 2. บัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อพรรคการเมือง พบว่าหมายเลขผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต และหมายเลขพรรคการเมืองในบัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อเป็นหมายเลขที่ไม่ตรงกัน และในส่วนของบัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขตมีเพียงหมายเลขผู้สมัคร ไม่มีรายชื่อหรือตราสัญลักษณ์ของพรรคการเมืองของผู้สมัคร อันเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยลดภาระ และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องสำหรับการใช้สิทธิเลือกตั้งของประชาชน 5. การจัดเตรียมสถานที่เลือกตั้งล่วงหน้า หลายหน่วยเลือกตั้งมีการเลือกใช้และจัดการสถานที่ ที่ไม่ได้เป็นไปตามหลักการรองรับความหลากหลายของผู้มาใช้สิทธิ กล่าวคือ ไม่รองรับการใช้สิทธิของผู้ที่มีข้อจำกัดทางกายภาพ เช่น ผู้สูงอายุ คนพิการ ฯลฯ และยังพบว่าหลายหน่วยเลือกตั้งไม่มีการเตรียมความพร้อมที่ดีพอ สำหรับการรับมือสภาพอากาศที่ร้อนจัด ส่งผลให้ผู้ใช้สิทธิจำนวนมากมีอาการวิงเวียน หน้ามืด และเป็นลม ผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนเช่นนี้ ถือเป็นเรื่องที่ไม่อาจปล่อยปละละเลยได้ 6. เอกสารสำคัญที่ต้องปิดประกาศ ณ หน่วยเลือกตั้ง การปิดประกาศเอกสารสำคัญหน้าหน่วยเลือกตั้ง เป็นหลักการพื้นฐานเรื่องความโปร่งใส เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพ ที่ช่วยให้ประชาชนสามารถทำความเข้าใจการใช้สิทธิเลือกตั้งได้อย่างครบถ้วน แต่มีการรายงานเป็นจำนวนมากว่ามีความผิดปกติ ซึ่งมีประเด็นที่ควรพิจารณาอยู่ 3 ประการ ประการที่ 1 เอกสารแนะนำผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ซึ่งปรากฏว่ามีรายชื่อผู้สมัครบางพรรคหายไปจากกระดานปิดประกาศ  ประการที่ 2 ตัวอย่างบัตรเลือกตั้งที่ติดประกาศหน้าหน่วยเลือกตั้งเป็นสีขาว-ดำ ซึ่งไม่แสดงสีจริงของบัตรเลือกตั้งทั้งสองประเภท ประการที่ 3 เอกสารรายการเกี่ยวกับจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ได้รับมาก่อนลงคะแนน (ส.ส.5/5) ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญที่ต้องระบุจำนวนบัตรเลือกตั้งทั้งหมดที่ได้รับมา และระบุจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งนั้น ซึ่งต้องปิดประกาศไว้ให้ประชาชนรับทราบก่อนเปิดให้ลงคะแนน ทั้งนี้ในหลายหน่วยเลือกตั้งพบว่า มีความผิดปกติของในหลายส่วน ดังนี้ (1) ปิดประกาศล่าช้า หลังเปิดให้ลงคะแนนเป็นเวลานาน (2) ไม่ระบุรายละเอียดจำนวนบัตรเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งนั้นได้รับมา หรือกรอกตัวเลขจำนวนบัตรที่ได้รับ แต่กลับไม่ระบุเป็นตัวหนังสือที่ช่องข้อความด้านหลัง ทำให้ไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีการกลับมาแก้ไขหรือไม่ (3) ระบุข้อมูลรายละเอียดเอกสารไม่ครบถ้วน เช่น ไม่ระบุชื่อหน่วยเลือกตั้ง และสถานที่ตั้งหน่วยเลือกตั้ง การละเลยความสำคัญของการจัดทำเอกสารเหล่านี้ ทำให้ไม่อาจกล่าวได้ว่าการเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งนั้น เป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม 7. การสังเกตการณ์การเลือกตั้ง แม้ว่าโดยส่วนใหญ่กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง จะให้ความร่วมมือกับการสังเกตการณ์ แต่ยังคงมีรายงานว่า มีหน่วยเลือกตั้งที่กรรมการประจำหน่วย ยืนยันที่จะไม่อนุญาตให้อาสาสมัครเข้าสังเกตการณ์ รวมถึงไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพบรรยากาศการเลือกตั้ง หรือถ่ายภาพเอกสารซึ่งปิดประกาศอยู่ที่หน้าหน่วยเลือกตั้ง แม้ว่าการกระทำนั้นจะมั่นใจได้ว่าไม่รบกวนต่อการลงคะแนนเลือกตั้ง และไม่กระทบต่อสิทธิหรือข้อมูลส่วนบุคคล อันอาจเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนต่อการใช้สิทธิของประชาชน ซึ่งแท้จริงแล้ว ย่อมสามารถเข้าสังเกตการณ์กระบวนการจัดการเลือกตั้ง เพื่อเป็นประจักษ์พยานในการยืนยันมาตรฐานด้านความโปร่งใส นอกขากนี้ เครือข่ายประชาชนฯ ยังได้มีข้อเสนอแนะต่อการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 พ.ค. 2566 เพื่อยืนยันว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเป็นไปด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพ ดังต่อไปนี้ 1. กกต.ควรชี้แจงจำนวนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่มีการจัดการที่ผิดพลาด และชี้แจงวิธีการแก้ไขอย่างละเอียด พร้อมแสดงหลักฐานเพื่อสร้างความกระจ่างแก่ประชาชนที่มาใช้สิทธิ โดยเครือข่ายประชาชนฯ เชื่อมั่นว่ามีเพียงการยอมรับปัญหา และลงมือแก้ไขชัดเจนและโปร่งใสเท่านั้น ที่จะทำให้การนับคะแนนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 14 พ.ค. 2566 ไม่มีจำนวนบัตรเพิ่มขึ้นหรือลดลงในเขตเลือกตั้งใด กล่าวให้ชัดคือจะ ไม่มีกรณีของ “บัตรเขย่ง” 2. กกต. ควรประกาศสถานที่นับคะแนนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งจะมีการนับคะแนนในวันที่ 14 พ.ค. 2566 ทั้ง 400 เขต เพื่อให้ประชาชนที่ยังคงมีข้อห่วงกังวล จะได้เข้าร่วมสังเกตการณ์การนับคะแนน 3. เป็นเรื่องน่ายินดีที่ตามกฎหมายเลือกตั้งระบุ ให้มีการเปิดเผยรายงานผลการนับคะแนนรายหน่วยเลือกตั้ง (แบบ ส.ส.5/18) ทั้งคะแนนผลการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต และคะแนนผลการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อของทุกหน่วยเลือกตั้ง บนเว็บไซต์ของสำนักงาน กกต.จังหวัด ภายใน 5 วัน นับจากวันเลือกตั้ง เพื่อให้ความกระจ่างชัดต่อประชาชนยิ่งขึ้น จึงมีข้อเสนอแนะให้ กกต.มีคำสั่งให้เปิดเผยเอกสารสำคัญอีก 2 ฉบับ เพิ่มเติมบนเว็บไซต์ของ กกต. จังหวัดไปพร้อมกัน ดังนี้ ฉบับแรก แบบรายการเกี่ยวกับจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ได้รับมาก่อนลงคะแนน (แบบ ส.ส.5/5) และ ฉบับที่สอง ประกาศรายการเกี่ยวกับจำนวนบัตรเลือกตั้งเมื่อเสร็จสิ้นการออกเสียงลงคะแนน (ส.ส.5/7) 4. เน้นย้ำให้ กปน. ให้ความร่วมมือการสังเกตการณ์การเลือกตั้งโดยประชาชน ทั้งการถ่ายภาพกระบวนการจัดการเลือกตั้ง และการบันทึกผลคะแนนของหน่วยเลือกตั้ง เพื่อช่วยให้การเลือกตั้งครั้งสำคัญของประเทศไทย ดำเนินไปด้วยความ โปร่งใส และ เป็นธรรม