น้ำเพชร ยืนยันปฏิเสธไม่ได้ร่วมอุ้มชาวจีน

วันที่ 20 เม.ย. 2566 เวลา 07:11 น.

สนามข่าว 7 สี - "น้ำเพชร" และผู้ต้องหาที่ร่วมกันอุ้มลักพาตัวผู้เสียหายชาวจีน เรียกเงินค่าไถ่ 4 ล้านบาท ถูกควบคุมตัวไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ฝากขังแล้ว โดยศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว น้ำเพชร ยืนยันปฏิเสธไม่ได้ร่วมอุ้มชาวจีน พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ควบคุมตัว นางสาวเพชรลดา หรือ "น้ำเพชร" อดีตผู้เข้าประกวดนางงาม พร้อมพวกที่เหลือรวม 5 คน ที่ร่วมกันก่อเหตุอุ้มรีดทรัพย์ผู้เสียหายชาวจีน ไปขออำนาจศาลฝากขังผัดแรก ในข้อหาร่วมกันเรียกค่าไถ่ฯ, ร่วมกันกรรโชกทรัพย์, ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พร้อมยื่นคัดค้านการประกันตัว ระหว่างถูกควบคุมตัวอยู่บนรถผู้ต้องขัง นายศุภพล หรือ กาย อายุ 24 ปี แฟนของน้ำเพชร ยืนยันว่า น้ำเพชร และนางสาวสริตา หรือ ตา เจ้าของบัญชีที่รับโอนเงินจากผู้เสียหาย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ส่วนตนเองยอมรับว่าก่อเหตุจริง และรับว่าได้ใบสั่งมาให้ดำเนินการ เพราะผู้เสียหายเป็นผู้ร้ายข้ามประเทศ มีคดีฉ้อโกงติดตัวมา พลตำรวจตรี ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เปิดเผยว่า เบื้องต้นผู้ต้องหา 4 คน ให้การเป็นประโยชน์ ยกเว้น "น้ำเพชร" ที่ยังคงให้การปฏิเสธ อ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ตำรวจมีพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงกับการกระทำความผิดแน่นหนา ขณะที่ ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิจารณาคำร้องขอฝากขังแล้ว อนุญาตให้ฝากขังตัวชั่วคราว และไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากพิเคราะห์ว่าผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ร่วมกันกระทำผิดลักษณะเป็นขบวนการ คดีมีอัตราโทษสูง หากปล่อยตัวชั่วคราวเชื่อว่าน่าจะหลบหนี รวบหัวหน้าแก๊งอุ้มรีดเงินครูชาวจีน 1.8 ล้านบาท ส่วนความคืบหน้าแก๊งคนจีนและคนไทย ก่อเหตุอุ้มครูคนจีนไปเรียกเงิน 1.8 ล้านบาท อ้างว่าเพื่อชดใช้หนี้ที่ยืมไป หลังก่อนหน้านี้ตำรวจเข้าช่วยเหลือชายชาวจีนผู้เสียหาย พร้อมจับกุมคนไทย 2 คน และคนจีน 1 คน ที่ร่วมกันกระทำผิด และนำตัวขออำนาจศาลฝากขัง พลตำรวจโท ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ไปร่วมสอบปากคำ นายหมิง และนางเสี่ยวเล่ย ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งที่ก่อเหตุดังกล่าว หลังถูกจับกุมได้ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านพระโขนง เปิดเผยว่า นายหมิง อ้างว่าได้ให้เงินกับผู้เสียหายไป 2 ล้านบาท เพื่อยื่นเรื่องประกันตัวชาวต่างชาติที่ถูกดำเนินคดี แต่เมื่อเวลาผ่านไป ไม่ได้นำไปยื่นประกันตัว จึงไปตามทวงเงิน โดยได้พูดคุยกันที่ร้านกาแฟ ก่อนพาตัวไปกักขังไว้ที่โรงแรมย่านสาทร ซึ่งเรื่องนี้เป็นคำกล่าวอ้าง ยังไม่ยืนยันข้อเท็จจริง รวมถึงไม่ชัดเจนว่าเงินที่ว่านำไปใช้ประกันตัวผู้ต้องหาคดีใด ขณะเดียวกันก็ตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ต้องหาอาจเคยก่อเหตุมามากกว่า 1 ครั้ง โดยดูจากการก่อเหตุแบบมีขั้นมีตอน มีการแบ่งหน้าที่กันทำงาน ลักษณะเหมือนมืออาชีพ คาดว่าเร็ว ๆ นี้จะออกหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุอีก 1-2 คน ซึ่งเป็นคนไทย ที่เชื่อมโยงกับผู้ต้องหาที่เพิ่งถูกจับได้ สำหรับคดีนี้ตำรวจมีข้อมูลว่า ผู้ที่ร่วมก่อเหตุมีอย่างน้อย 13 คน โดย 3 คนแรก ตำรวจจับกุมได้ซึ่งหน้า ขณะเข้าให้การช่วยเหลือผู้เสียหาย ส่วนอีก 10 คน เป็นการขยายผลการสืบสวน ก่อนทยอยติดตามจับกุมได้เพิ่มอีก 5 คน และยังเหลืออีก 5 คน ที่อยู่ระหว่างการหลบหนี