สธ.คาดหลังสงกรานต์ผู้ป่วยโควิดเพิ่ม มั่นใจเตียง-ยา มีเพียงพอ แนะสังเกตอาการ 7 วัน

วันที่ 16 เม.ย. 2566 เวลา 11:08 น.

สธ.คาดหลังสงกรานต์ผู้ป่วยโควิดเพิ่ม มั่นใจเตียง-ยา มีเพียงพอ แนะสังเกตอาการ 7 วัน เลี่ยงใกล้ชิดผู้สูงอายุ ส่วนเชื้อกลายพันธุ์ XBB.1.16 ซึ่งพบเพิ่มขึ้นทั่วโลก ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง           โควิดหลังสงกรานต์ วันนี้ (16 เม.ย.66) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยถึงสถานการณ์โรคโควิด-19 ระหว่างวันที่ 9-15 เม.ย.66 พบผู้ป่วยรายใหม่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแล้วทั้งหมด 435 คน เฉลี่ยวันละ 62 คน ซึ่งมีแนวโน้มพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 2.5 เท่าของสัปดาห์ก่อนหน้า นอกจากนี้ มีรายงานผู้ป่วยปอดอักเสบ 30 คน  และผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 19 ราย เพิ่มขึ้น 58% และ 36% ตามลำดับ เปรียบเทียบกับสัปดาห์ก่อน สัปดาห์ล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิต 2 คน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น นานเกินกว่า 3 เดือนแล้ว จึงขอย้ำให้กลุ่มเสี่ยงเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นที่สถานพยาบาลใกล้บ้านโดยเร็ว โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ทั้งนี้ สถานบริการจะปรับการให้บริการรูปแบบวัคซีนโควิดประจำปีตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป         ส่วนกรณีการแพร่ระบาดของเชื้อสายพันธุ์โควิด XBB.1.16 ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก พบเชื้อแล้วใน 22 ประเทศ โดยเฉพาะประเทศอินเดีย เชื้อสายพันธุ์ล่าสุดนี้มีความสามารถในการติดต่อสูงกว่าเชื้อสายพันธุ์ในอดีต เป็นที่จับตาขององค์การอนามัยโลก แต่ข้อมูลขณะนี้พบว่าอาการไม่ได้รุนแรงเพิ่ม ทั้งนี้ ฐานข้อมูล GISAID มีรายงานการตรวจพบสายพันธุ์นี้ในประเทศไทย 6 คน จากที่มีรายงานทั่วโลกเกือบ 3 พันคน (ข้อมูล ณ วันที่ 13 เม.ย.66) ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากรายงานผู้ป่วยโควิดที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลระยะนี้ ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง เนื่องจากได้รับวัคซีนหรือเคยติดเชื้อมาแล้ว ทำให้ยังมีภูมิคุ้มกันป้องกันอาการหนักได้แน่นอน แม้จะไม่ได้ป้องกันติดเชื้อได้ 100% พร้อมแนะนำว่า หลังสงกรานต์ขอให้เฝ้าระวังสังเกตอาการตัวเองอย่างน้อย 7 วัน หลีกเลี่ยงสัมผัสใกล้ชิดกับผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หากจำเป็นให้สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ เมื่อเริ่มมีอาการป่วย เช่น มีไข้ เจ็บคอ ไอ มีน้ำมูก ให้ตรวจ ATK หากผลเป็นบวกก็ให้ปรึกษาแพทย์รักษาตามสิทธิและตามระดับอาการ ไม่แนะนำให้ตรวจ ATK ขณะที่ยังไม่มีอาการ ทั้งนี้ โรงพยาบาล มียา เวชภัณฑ์ เตียงเพียงพอในการรองรับผู้ป่วยที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น