ยังควานล่าตัวดาบตำรวจ ยกพวกยิงถล่มบ้านพ่อตา จ.สุราษฎร์ธานี

วันที่ 12 เม.ย. 2566 เวลา 07:01 น.

สนามข่าว 7 สี - ติดตามความคืบหน้าคดีดาบตำรวจปืนโหด ยิงครอบครัวภรรยา รวมทั้งยิงปลิดชีพภรรยาและลูกชายตัวเอง เสียชีวิตรวม 6 ศพ แล้วหลบหนีไปพร้อมกับอาวุธปืน ขณะที่เมื่อวานนี้ตำรวจคุมตัว 1 ในผู้ร่วมก่อเหตุที่เป็นจิกซอว์สำคัญในการคลี่คลายคดีไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ยังควานล่าตัวดาบตำรวจ ยกพวกยิงถล่มบ้านพ่อตา จ.สุราษฎร์ธานี คดีนี้ ดาบตำรวจ อรรถพร วิเชียร (อายุ 46 ปี) ตำรวจสังกัด สภ.คีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี คือ ผู้ต้องหารายสำคัญที่ยกพวกพร้อมใช้อาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 บุกยิงถล่มบ้านพ่อตาที่อยู่กลางสวนปาล์มน้ำมัน ตำบลกะเปา อำเภอคีรีรัฐนิคม เป็นเหตุให้ครอบครัวพ่อตาเสียชีวิต 3 คน ส่วนฝ่ายผู้ก่อเหตุเสียชีวิต 1 คน คือ นายธรรมรัตน์ วิเชียร (อายุ 48 ปี) พี่ชายของดาบตำรวจ อรรถพร และต่อมาพบศพเพิ่มอีก 2 ศพ เป็นลูกชายและภรรยาดาบตำรวจ อรรถพร ซึ่งจากการไล่เรียงไทม์ไลน์เชื่อว่า ดาบตำรวจ อรรถพร เป็นคนลงมือฆ่า สรุปเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 6 ศพ โดยหลังก่อเหตุวันที่ 8 เมษายน จนถึงวันนี้ ดาบตำรวจ อรรถพร ยังหลบหนีไปพร้อมมีอาวุธปืนติดตัว ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลการตรวจสอบการเบิกใช้อาวุธปืนของทางราชการ ที่พบว่า ดาบตำรวจ อรรถพร ได้เบิกอาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 ไป 1 กระบอก และยืมอาวุธปืนของเพื่อนตำรวจอีก 1 กระบอก รวมเป็น 2 กระบอก พลตำรวจตรี ศรัญญู ชำนาญราช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ออกมาเผยว่า จากคำให้การของ นายมานพ ว่างงาน (อายุ 57 ปี) หนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุที่ถูกจับได้ บอกว่า หลังก่อเหตุเห็น ดาบตำรวจ อรรถพร มีอาการเครียดอย่างหนักคล้ายคนที่สติหลุด และพกอาวุธปืนร้ายแรงติดตัว ถือเป็นบุคคลอันตราย จึงสั่งการให้สถานีตำรวจทุกแห่งตั้งจุดตรวจ-จุดสกัดด้วยความระมัดระวัง ถ้าประชาชนพบเห็นเบาะแสแจ้งได้ มีรางวัลนำจับให้ 50,000 บาท ทั้งนี้ สั่งให้ตำรวจชุดสืบสวนกระจายกำลังลงพื้นที่ต้องสงสัยที่คาดว่า ดาบตำรวจ อรรถพร จะไปกบดาน คุมตัวทำแผนฯ หนึ่งในมือยิงถล่มบ้านอดีตผู้ใหญ่บ้าน จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวานนี้ ตำรวจได้คุมตัว นายมานพ ว่างงาน หนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุ เดินทางไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยเริ่มตั้งแต่จุดแรก รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ในตำบลท่าขนอน อำเภอคีรีรัฐนิคม ซึ่งเป็นจุดที่กลุ่มผู้ก่อเหตุ 4 คน นัดเจอกันและวางแผน ซึ่งวันเกิดเหตุ นายอรรถพล (ลูก ด.ต.อรรถพร) ทำหน้าที่ขับรถยนต์พาตนเอง, ดาบตำรวจ อรรถพร, นายธรรมรัตน์ (พี่ชาย ด.ต.อรรถพร) ไปบ้านหลังเกิดเหตุ แต่ นายอรรถพล นั่งอยู่ในรถไม่ได้เข้าไปในบ้านร่วมก่อเหตุ    ต่อมาตำรวจคุมตัวมาจุดที่ 2 บริเวณรั้วหน้าบ้านซึ่งเป็นจุดจอดรถยนต์ โดย นายมานพ เดินลงไปถาม นางนิลทิพย์ ภรรยาของนายธรรมรงค์ ที่นอนเล่นอยู่ในเปลที่ศาลาหน้าบ้านว่า มีใครอยู่ในบ้านบ้างไหม ยังไม่ทันพูดขาดคำ ดาบตำรวจ อรรถพร เดินปรี่ตามมาใช้อาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 กระหน่ำยิง นางนิลทิพย์ วิ่งไปล้มข้างโอ่งน้ำเสียชีวิต จากนั้นพวกตนเข้าไปยิงคนที่อยู่ในบ้านเสียชีวิตหมดแล้ว ก็พากันไปขึ้นรถที่ นายอรรถพล ขับมาจอดรอรับพากันหนีออกจากบ้านที่เกิดเหตุ โดย นายมานพ นั่งเบาะหน้าข้างคนขับ ส่วน ดาบตำรวจ อรรถพร นั่งเบาะหลัง  ส่วนจุดที่ 3 รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ตำบลเขาพัง อำเภอบ้านตาขุน ซึ่งเป็นจุดที่ นายอรรถพล ขับรถคันก่อเหตุมาเปลี่ยนใช้รถยนต์อีกคันที่ดาบตำรวจ อรรถพร วางแผนนำมาจอดรอไว้ก่อนแล้ว และเป็นจุดที่ดาบตำรวจ อรรถพร นำอาวุธปืนที่ยืมเพื่อนตำรวจมาทิ้งไว้ในห้องพักด้วย ต่อจากนั้น นายอรรถพล ขับรถไปส่ง นายมานพ ที่บ้านใน ตำบลเขาพัง แยกย้ายหลบหนี โดยระหว่างที่ทำแผนฯ เสร็จ นายมานพ เดินออกมาเจอผู้สื่อข่าวได้พูดสั้น ๆ ว่า ตนไม่รู้มาก่อนจริง ๆ ว่า ดาบตำรวจ อรรถพร จะพามายิงบ้านผู้ใหญ่รงค์ แต่คิดว่า ดาบตำรวจ อรรถพร ชวนเป็นสายล่อซื้อยาเสพติด จึงมาด้วย ขอยอมรับผิด และขอโทษครอบครัวผู้ใหญ่รงค์ด้วย   ตรวจสอบประวัติ นายมานพ เป็นมือปืนรับจ้างระดับพระกาฬในพื้นที่ภาคใต้ รู้จักกับ นายธรรมรัตน์ พี่ชายดาบตำรวจ อรรถพล เมื่อครั้งต้องโทษคดีฆ่าคนตาย อยู่ในเรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี เพิ่งพ้นโทษออกมาได้ไม่นาน ส่วนชนวนการสังหารที่แท้จริงมาจากสาเหตุใดกันแน่ ต้องรอฟังจากปาก ดาบตำรวจ อรรถพร ผู้ก่อเหตุที่ยังหลบหนีอยู่ในขณะนี้ เพราะตลอดหลายวันนับแต่เกิดเหตุปรากฏกระแสข่าวทั้งปมความขัดแย้งเรื่องที่ดิน และถูกพ่อตากีดกันความรัก