รวบ “เพชรพันปี” เจ้าของร้านเพชรชื่อดัง หลังมีผู้เสียหายรวมตัวเข้าร้องทุกข์ว่าซื้อเพชร และเครื่องรางของขลัง แต่กลับได้สินค้าไม่ตรงปก
วันที่ 2 เม.ย. 2566 เวลา 12:02 น.
“เพชรพันปี” เจ้าของร้านเพชรชื่อดัง ถูกตำรวจตามจับกุมตัวได้แล้ว หลังมีผู้เสียหายรวมตัวเข้าร้องทุกข์ว่าซื้อเพชร และเครื่องรางของขลัง แต่กลับได้สินค้าไม่ตรงปก รวมความเสียหายหลายล้านบาท กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ร่วมกันจับกุม น.ส.เพชรพันปีฯ อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 926/2566 ลง 28 มี.ค.66 ในฐานความผิด ฉ้อโกงประชาชน,นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ,ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ เกี่ยวกับสินค้า (พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคฯ ม.47) สืบเนื่องจาก น.ส.เพชรพันปีฯ ผู้ต้องหาได้โฆษณาขายเครื่องประดับจำพวก เพชร พลอย ทับทิม และกล่องสุ่มเครื่องประดับเพชร ผ่านช่องทางเพจเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรมที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ โดยการโฆษณาขายนั้น ได้อวดอ้างว่าเป็นเพชรแท้เบลเยี่ยมน้ำ 100 VVS พลอยแท้ ทอง 18 เค ทับทิมแท้ ขายแต่เพชรแท้ พลอยแท้ ทองแท้ ฯลฯ จนมีผู้เสียหายกลุ่มหนึ่ง หลงเชื่อจึงได้ตกลงซื้อเครื่องประดับเพชร พลอย ทับทิม และซื้อกล่องสุ่มเครื่องประดับเพชร พลอย จากผู้ต้องหา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 เรื่อยมาจน ถึงต้นปี พ.ศ.2565 โดยการซื้อแต่ละครั้ง ผู้เสียหายกับพวกได้โอนเงินค่าสินค้าเครื่องประดับเพชร พลอย เข้าบัญชีธนาคารของผู้ต้องหา ซึ่งเมื่อผู้เสียหายได้รับเครื่องประดับเพชร พลอย ทับทิม ฯลฯ ที่ซื้อมาพร้อมใบรับประกันสินค้ามาแล้ว ก็เชื่อโดยสนิทใจว่าเป็นของแท้ตรงตามที่ผู้ต้องหาได้โฆษณาขายไว้ซึ่งหากดูด้วยตาเปล่าไม่พบความผิดปกติใดๆ จนกระทั่งช่วงเดือนมกราคม พ.ศ.2566 ได้มีข่าวเกี่ยวกับ น.ส.เพชรพันปีฯ จัดฉากการถูกรางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาล ทำให้ผู้เสียหายคลือบแคลงสงสัยในพฤติกรรม อีกทั้งสงสัยว่าสินค้าที่ซื้อมานั้น อาจจะไม่ได้มาตรฐานไม่เป็นไปตามที่โฆษณา ผู้เสียหายกับพวก จำนวน 46 ราย จึงได้นำสินค้าเครื่องประดับที่ซื้อมาจากผู้ต้องหา ไปตรวจสอบคุณภาพ ที่ห้องแลปเพื่อทำการตรวจสอบคุณภาพของสินค้าที่ซื้อมา ซึ่งผลการตรวจสินค้าที่ซื้อมาทั้งหมด เป็นเพชรเกรดต่ำ มีตำหนิน้ำไม่ถึง 100, พลอยปลอม, ทองไม่ถึง 18 เค ซึ่งไม่เป็นไปตามที่ ผู้ต้องหาได้โฆษณาขายสินค้าแต่อย่างใด เป็นเหตุให้ผู้เสียหายกับพวกจำนวน 46 คน ได้รับความเสียหายเป็นเงินกว่า 2,582,345 บาท จึงมาพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหานี้ได้ จึงได้ทำการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหานี้หลบหนีอยู่ในพื้นที่ ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร จึงได้วางแผนเข้าทำการจับกุมตัวผู้ต้องหา ก่อนนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยหลังสอบปากคำเสร็จเจ้าได้ยื่นประกันตัวในชั้นสอบสวน ด้วยวงเงิน 500,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่อนุญาตให้ประกันตัวเพราะไม่มีพฤติการณ์หลบหนีและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดีมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง