รวบโจ๋รุมทำร้ายและใช้ปืนปากกา จ่อศีรษะเยาวชน จ.ระยอง
วันที่ 23 มี.ค. 2566 เวลา 07:07 น.
สนามข่าว 7 สี - เหตุการณ์นี้วัยรุ่นกว่า 10 คน รุมทำร้ายเยาวชนชาย 2 คน จนได้รับบาดเจ็บ เลือดไหลนองเต็มพื้น แถมใช้ปืนปากกาจ่อศีรษะ ประกาศศักดิ์ดา ก่อนหลบหนี สุดท้ายหนีไม่พ้น ถูกตำรวจจับกุมตัวได้ที่บ้านพัก ตำรวจ สภ.เมืองระยอง รับแจ้งเหตุวัยรุ่นยิงกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน บริเวณอ่างเก็บน้ำ ถนนทับมา-เขาโบสถ์ ตำบลทับมา อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ที่เกิดเหตุพบเยาวชนชายอายุ 16 ปี 2 คน นอนอยู่ที่พื้น เยาวชนคนแรกมีแผลถูกฟันที่แขน เลือดไหลนองเต็มพื้น นอนร้องโอดโอยขอความช่วยเหลือ ส่วนเยาวชนอีกคนมีรอยฟกช้ำตามร่างกายหลายจุด กู้ภัยจึงปฐมพยาบาล ก่อนนำส่งโรงพยาบาลเร่งด่วน ส่วนผู้ก่อเหตุทั้ง 4 คน หลบหนีไป ทางตำรวจติดตามตัวจนสามารถจับกุมทั้งหมดได้ที่บ้านพักในพื้นที่จังหวัดระยอง ก่อนนำตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก เยาวชนชายอายุ 17 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ บอกว่า ขณะกำลังเล่นน้ำอยู่ในอ่างเก็บน้ำ จู่ ๆ เห็นเยาวชนชายอายุ 16 ปี ทั้ง 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์บริเวณหัวโค้งอ่างเก็บน้ำ จากนั้นไม่ถึง 2 นาที ได้ยินเสียงดังคล้ายอาวุธปืน 1 ครั้ง ด้วยความตกใจจึงรีบวิ่งไปต้นเสียง เห็นเยาวชนชายทั้ง 2 คน กำลังวิ่งย้อนมาหน้าตาตื่น โดยมีวัยรุ่นกว่า 10 คน วิ่งตามหลังมากระโดดถีบ และรุมทำร้ายเยาวชนทั้ง 2 คน จนได้รับบาดเจ็บ จังหวะที่กลุ่มวัยรุ่นกำลังรุมทำร้ายเยาวชน ตนเองเห็นเยาวชนทั้ง 2 คน ยกมือไหว้ และพยายามก้มกราบเท้าขอร้องให้หยุด แต่กลุ่มวัยรุ่นไม่ฟัง แถมใช้อาวุธมีดยาวฟันแขน ไม้เบสบอลตี และเท้าเตะใบหน้าเยาวชนทั้ง 2 คน ก่อนจะหยิบปืนปากกาขึ้นมาจ่อศีรษะ แล้วพูดว่า "ที่นี่ทับมา" ตนเองจึงตะโกนว่า "ทำอะไร" กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวกำลังจะวิ่งมาทำร้าย ตนเองจึงรีบวิ่งหนี หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที จึงวิ่งกลับไปจุดเกิดเหตุอีกครั้ง ไม่พบกลุ่มวัยรุ่นแล้ว จึงรีบแจ้งตำรวจและกู้ภัยมาตรวจสอบ หญิงอายุ 31 ปี ผู้ปกครองหนึ่งในผู้บาดเจ็บ บอกว่า ตอนที่ตำรวจถามกลุ่มผู้ก่อเหตุว่ารู้จักกับผู้บาดเจ็บหรือไม่ หรือมีเรื่องกันมาก่อนหรือไม่ พวกเขาตอบเพียงว่าไม่รู้เท่านั้น แต่ยอมรับว่าได้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายเยาวชนจนได้รับบาดเจ็บจริง ยืนยันไม่ยอมความ อยากให้ตำรวจดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด เบื้องต้นตำรวจ สภ.เมืองระยอง สันนิษฐานว่าสาเหตุอาจจะเกิดจากการเข้าใจผิดซึ่งกันและกัน รวมทั้งผลตรวจเขม่าดินปืน ก่อนจะเชิญทั้งสองฝ่ายมาอีกครั้ง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย