สงสัยว่าที่ลูกสะใภ้ แอบสลับทองปลอม จ.สุรินทร์

วันที่ 22 มี.ค. 2566 เวลา 06:23 น.

เช้านี้ที่หมอชิต - ว่าที่ลูกสะใภ้แสบ แอบย่องนำสร้อยคอทองคำแท้ 3 เส้นออกไป แล้วนำทองปลอมมาวางไว้แทนที่ แถมยังหอบผ้าไหม ไปหมดตู้ นางนันทิยา อายุ 52 ปี ชาว จังหวัดสุรินทร์ ออกมาร้องกับสื่อมวลชน ว่า เมื่อปี 2565 ลูกชายของตนเองได้ไปมีแฟนสาว อายุ 33 ปี ที่รู้จักกันผ่านทางเฟซบุ๊ก พอย้ายเข้ามาอยู่บ้าน ได้ประมาณ 7 เดือน บัตรเอทีเอ็มของตนเองที่เก็บไว้ภายในตู้เสื้อผ้าห้องนอน เกิดหายไป โดยในบัญชีมีเงินจำนวนหลายแสนบาท หลังเกิดเหตุได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.หนองจอก จากนั้นทางตำรวจก็ได้ติดตามว่าที่ลูกสะใภ้ เนื่องจากเป็นผู้ต้องสงสัยเข้ามาสอบปากคำ ปรากฏว่าว่าที่ลูกสะใภ้ ให้การปฏิเสธ ว่า ไม่รู้ไม่เห็น      นอกจากบัตรเอทีเอ็มที่หายไปแล้ว ผู้เสียหาย ยังบอกอีกว่า สร้อยคอทองคำที่ซ่อนเอาไว้ในกระเป๋าตู้เสื้อผ้า หนัก 1 บาท 2 เส้น และ หนัก 50 สตางค์อีก 1 เส้น ถูกขโมยไปทั้งหมด เนื่องจากวันที่ตนเองต้องการนำสร้อยคอทองคำไปขาย เพื่อนำไปใช้หนี้ธนาคาร ปรากฏว่า ทางร้านทองแจ้งว่าเป็นของปลอม ตอนนั้นล้มทั้งยืน เพราะ ไม่เคยพบความผิดปกติมาก่อน เนื่องจากสร้อยคอทองคำที่เห็นมาตลอดถูกแทนที่ด้วยของปลอม       และยังไม่พอแค่นั้น ก่อนที่ว่าที่ลูกสะใภ้จะออกไปจากบ้าน ได้หอบเอาผ้าไหม ที่ตนเองเก็บสะสมเอาไว้ใส่ไปงานจำนวนหลายผืนไปด้วย พร้อมยืนยันว่า ไม่มีใครนอกจากว่าที่ลูกสะใภ้ เพราะก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่อง ลูกสะใภ้เคยกุญแจตู้เสื้อผ้าไป ก่อนที่เวลาต่อมา กุญแจหายไป 1 ดอก ทำให้ตอนนี้ตนเองเหนื่อยล้ากับปัญหาที่เกิดขึ้นในครอบครัว ไปฟังเสียงผู้เสียหายสักนิด ส่วนด้านคดีความ พนักงานสอบสวนเวร สภ.หนองจอก (เจ้าของคดี) บอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทางตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เข้าไปขอความร่วมมือกับธนาคารในพื้นที่แล้ว ทราบว่า คนร้ายที่นำบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายไปไปกดเงินนั้น เป็นว่าที่ลูกสะใภ้ นั่นเอง เบื้องต้น ได้ออกหมายเรียกไปแล้ว 1 ครั้ง เมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา หากยังไม่เข้ามาพบจะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 และ ถ้ายังไม่มาอีก ก็ออกหมายจับแน่นอน