จุดจบเขากระโดง นักบุญทุนของชาติ
วันที่ 13 มี.ค. 2566 เวลา 06:35 น.
เช้านี้ที่หมอชิต - อีกประเด็นใหญ่ ที่หลายคนบอกว่าน่าจับตามอง เพราะมองว่า พรรคภูมิใจไทย ไม่น่าจะรอดไปได้ หรือถือว่าเป็นจุดตายจุดสิ้นสุดของพรรค นอกจากกรณี นายศักดิ์สยาม ให้นอมินีถือหุ้นบริษัทของตนแทน แล้วเอาบริษัทไปรับงานจากกระทรวงคมนาคม เทียบตัวเองนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการแล้ว นั่นก็คือกรณีการบุกรุกที่ดินของการรถไฟฯ คือ เขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ที่ นายชูวิทย์ กล่าวหาว่า ตระกูลชิดชอบ เอาที่หลวงไปออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ แล้วเอามาสร้างบ้านพักส่วนตัว สร้างสนามแข่งรถ สร้างสนามฟุตบอล โดยเฉพาะสนามฟุตบอล ช้างอารีน่า วันก่อนมีการแข่งขันระหว่างทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ ลำพูน ดูหน่อยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร ใช้คำว่าแสบจริง ๆ สำหรับ กองเชียร์ลำพูน ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับ ทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพียงแค่ตะโกนชื่อคำว่า "ชูวิทย์" ก็เจ็บจี๊ด ๆ คนที่เดินอยู่กลางสนามฟุตบอลช้างอารีน่า นั่นคือ นายเนวิน ชิดชอบ เจ้าของสนามฟุตบอลช้างอารีน่า นี่คือเป็นปฏิกิริยาที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ชื่อ นายชูวิทย์ ถูกตะโกนลั่นสนาม ในการแข่งขันแมตช์ดังกล่าว เป็นการแข่งขันระหว่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ ลำพูน สำหรับทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เข้าร่วมแข่งฟุตบอลไทยลีกในฤดูกาล 2553 ในชื่อ "บุรีรัมย์ พีอีเอ" หลังจากที่ นายเนวิน ชิดชอบ ซื้อกิจการสโมสรฟุตบอลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในปลายปี 2552 เคยคว้าแชมป์ไทยลีกถึงสามฤดูกาลติดต่อกันตั้งแต่ปี 2556 - 2558 โดยมีสนามเหย้าคือ สนามช้างอารีนา มีความจุ 32,600 ที่นั่ง หลังจากที่ นายชูวิทย์ ออกมาแฉว่า ตระกูลชิดชอบ มีการออกเอกสารสิทธิ์ ใช้พื้นที่ดังกล่าวโดยมิชอบ ก็เกิดปฏิกิริยาจากสังคมตามมา จริง ๆ เรื่องการตรวจสอบเอกสารสิทธิ โฉนดที่ดินโดยมิชอบของ ตระกูลชิดชอบ นี้ นายสกลชัย ลิมป์สีสวรรค์ ทนายความ เคยยื่นเรื่องให้คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร ชุด พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ตรวจสอบตั้งแต่เมษายนปีที่แล้ว เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และดำเนินคดีกับ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการคมนาคม และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตในประเด็นเรื่องที่ดินเขากระโดง ตอนนั้น นายสกลชัย ผู้ยื่นเรื่องได้โพสต์เฟซบุ๊ก 5 ข้อ ซึ่งมี 3 ประเด็นสำคัญที่ฝากคำถามไปถึง นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟ ช่วยให้ความกระจ่างในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ 1. ท่านทราบหรือไม่ว่า ที่ดินทั้งหมดของการรถไฟที่เขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ มีพื้นที่ทั้งหมดกี่ไร่ และครอบคลุมพื้นที่บริเวณใดบ้าง ถ้าไม่ทราบก็ถือว่าท่านบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างมาก แต่ถ้าทราบท่านจะดำเนินการกับผู้ที่มาใช้ประโยชน์ในที่ดินของการรถไฟอย่างไร 2. ท่านทราบหรือไม่ว่า มีชาวบ้านหลายรายไปฟ้องขอออกโฉนดที่ดิน บริเวณใกล้กับสนามกีฬาชื่อดัง แต่ศาลฎีกาพิพากษาว่าไม่สามารถออกโฉนดได้เพราะเป็นที่ของการรถไฟ และให้ชาวบ้านเหล่านั้นคืนที่ดินให้แก่การรถไฟ ตรงนี้แหละ ที่ทนายคนดังกล่าว อยากจะเปรียบเทียบให้เห็นว่า เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษาออกมาแล้วสำหรับชาวบ้านว่า พื้นที่ดังกล่าวซึ่งเป็นพื้นที่ของการรถไฟฯไม่สามารถ ออกโฉนดที่ดินได้ แต่ทำไมตระกูลดังแห่งบุรีรัมย์จึงสามารถออกเอกสารสิทธิครอบครองพื้นที่ดังกล่าวได้ ปลูกบ้านและทำธุรกิจบนที่ดินดังกล่าว แถม นายชูวิทย์บอกว่า เอาเงินหลวงไปใช้ในการก่อสร้างด้วย 3. ท่านทราบหรือไม่ว่า การรถไฟได้ฟ้องขับไล่ผู้ที่ใช้ประโยชน์ในที่ดินของการรถไฟ (ฝั่งตรงข้ามสนามกีฬาดัง) ซึ่งที่ดินดังกล่าวมีเอกสารสิทธิแล้ว แต่เป็นการออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือออกโดยผิดพลาด เพราะไปทับที่ของการรถไฟ โดยศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ให้คืนที่ดินให้แก่การรถไฟ ส่วนการบุกรุกแบบที่ 2 คือการไปยื่นกับกรมที่ดินเพื่อออกเอกสารสิทธิทับที่ของการรถไฟ อันนี้ถือว่าเป็นการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ และพยายามเน้นย้ำว่าจะไม่รังแกประชาชนไม่ระรานประชาชนไม่ว่าประชาชนคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม ข้อสังเกตตรงนี้ ข้อที่ 3. ของ ทนายสกลชัย และ นายชูวิทย์ ท่านมองตรงกันว่า ก็ในเมื่อประชาชนคนทั่วไปที่มีการออกเอกสารสิทธิ หรือโฉนดครอบครองพื้นที่การรถไฟโดยมิชอบ การรถไฟฯ ได้ใช้กระบวนการศาลยุติธรรมคือมีการฟ้องแพ่ง และศาลได้พิพากษาถึงที่สุดแล้ว ให้คืนที่ดินให้กับการรถไฟ แต่ทำไมกับตระกูลดังแห่งเมืองบุรีรัมย์ รฟท. ถึงไปใช้วิธีการฟ้องศาลปกครอง เป็นการปฏิบัติ 2 มาตรฐาน หรือ ต้องการจะยื้อเวลาหรือไม่ เพราะการพิจารณาในคดีทางศาลปกครอง บางคดีใช้เวลานานหลักสิบปี ก็ต้องไล่ไปดูต้นตอว่า การเข้ามาใช้พื้นที่เขากระโดง ของตระกูลชิดชอบ เข้ามาแบบไหนและคงต้องปฏิบัติ มาตรฐานเดียวกับประชาชนใช่หรือไม่ ทีนี้เราลองมาดูภาพนี้กัน ดูข้อ 1, 2, 7 จะเห็นได้ว่าทั้งหมดล้วนมีการออกเอกสารสิทธิแล้วทั้งสิ้น เป็นสิ่งที่การรถไฟฯ อธิบายว่า ได้ฟ้องศาลปกครองไปแล้วเพื่อให้เพิกถอนเอกสารสิทธิให้คืนกลับคืน รฟท. แต่ ทนายสกลชัย ท่านมองว่าจะทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะถ้าไปดู ข้อสังเกตข้อที่ 4 ของทนายสกลชัย คือ ถ้าท่านทราบข้อเท็จจริงทั้ง 3 ข้อแล้ว ท่านก็ควรทราบว่า การรถไฟสามารถดำเนินการฟ้องเรียกคืนที่ดินจากผู้เข้ามาใช้ประโยชน์ต่อศาลยุติธรรมได้ทันที โดยไม่ต้องไปฟ้องกรมที่ดินต่อศาลปกครอง เพื่อขอเพิกถอนโฉนด เพราะเป็นการยื้อเวลา เพื่อช่วยคนบางกลุ่มเท่านั้น ข้อที่ 5 หากท่านมีสามัญสำนึกที่จะปกป้องผลประโยชน์ของชาติจริง ท่านต้องกล้าที่จะดำเนินคดี เอาที่ดินของการรถไฟคืนจากผู้มีอำนาจก่อน แล้วค่อยหาทางออกกับชาวบ้านที่เข้ามาใช้ประโยชน์ในที่ดินของการรถไฟ ซึ่งผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะเอาประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง สุดท้ายนี้ หากท่านไม่มีข้อมูล หรือได้รับข้อมูลมาผิด ๆ ผมยินดีที่จะช่วยเหลือด้านข้อมูลต่าง ๆ และหากท่านมีบุคคลากรไม่เพียงพอต่อการดำเนินการ ผมก็ขออาสาช่วยเหลือท่านในเรื่องการดำเนินคดีนี้อย่างสุดความสามารถ ขอแค่ท่านอย่าพาให้เรื่องนี้ออกทะเลไปก็พอ ซึ่งหลังจากที่ รฟม.แถลงข่าวชี้แจงชุดคำถามของ ทนายสกลชัย แล้ว หลังจากนั้น ทนายสกลชัย ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊กอีกครั้ง สรุปสั้น ๆ ว่า 1. ที่ออกมาแถลงข่าววันนี้เพราะท่านอ้างว่ามีทนายอิสระไปยื่นหนังสือร้องเรียนเรื่องที่ดินเขากระโดง (ซึ่งน่าจะหมายถึงผม) จึงต้องออกมาชี้แจง 2. ยอมรับว่ามีการออกเอกสารสิทธิ์ทับซ้อนกับที่ดินของการรถไฟจริง ซึ่งทั่วประเทศมีทั้งหมดประมาณ 1,000 กว่าราย โดยแบ่งเป็นของพื้นที่เขากระโดงประมาณ 900 กว่าราย 3. บุคคลที่ออกเอกสารสิทธิ์ทับซ้อนที่ดินของการรถไฟไม่ถือว่าเป็นผู้บุกรุก การรถไฟจึงไม่อยากไปฟ้องร้องขับไล่บุคคลเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือชาวบ้านทั่วไปก็ตาม 4. เมื่อไม่อยากฟ้องผู้ที่ถือเอกสารสิทธิ์ การรถไฟจึงไปฟ้องกรมที่ดินต่อศาลปกครองเพื่อให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ออกทับที่ของการรถไฟ แต่ไม่บอกว่าถ้าศาลปกครองมีคำสั่งให้เพิกถอนแล้ว จะดำเนินการอย่างไรต่อไป นอกจากนั้นก็จับประเด็นอะไรไม่ได้แล้ว เพราะมีแต่น้ำ แล้วก็พูดอะไรไม่รู้เรื่อง และอยากจะบอกท่านว่า ข้อมูลที่ท่านพูดมานั้นขัดแย้งกับข้อเท็จจริงหลายเรื่อง และแนวทางการแก้ปัญหาของท่านก็เป็นการลอยตัวอยู่เหนือปัญหา โยนภาระไปให้หน่วยงานอื่น ๆ ไม่ยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง ส่วนการที่ท่านอ้างว่าไม่อยากมีข้อพิพาทกับชาวบ้าน มันเหมือนเป็นการเอาชาวบ้านมาเป็นเครื่องกำบังให้บุคคลตระกูลนักการเมืองใหญ่ที่ถูกชี้ว่ามีความผิดแล้ว ซึ่งท่านอย่าลืมว่าท่านจะต้องชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. ด้วย จะหาว่าผมไม่เตือน นอกจากนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นที่ นายชูวิทย์ ออกมาแฉโดยเฉพาะสนามฟุตบอลและสนามแข่งรถของ นายเนวิน ชิดชอบ มีกระแสสังคม ออกมาเหมือนกัน นี่เป็นคลิปจากติ๊กต๊อก ที่ถ่ายให้เห็นสนามฟุตบอลช้างอารีนา แล้วมีข้อความว่า "บุรีรัมย์ยูไนเต็ด = รฟท.ยูไนเต็ด" และข้อความ "สนามมีครบทุกอย่าง ยกเว้นโฉนด ขอบคุณชูวิทย์ที่ทำให้ตาสว่าง" ส่วนข้อความจากอีกติ๊กต๊อก เป็นภาพสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต พร้อมข้อความว่า "ไม่รื้อแล้วใช่ไหม" ส่วนที่เราบอกว่านักบุญทุนของชาติ ไปดูข้อมูลหน่อยว่าเนวินเคยบอกไว้ว่า สนามช้างอารีนา เป็นสนามฟุตบอลที่ได้มาตรฐานแห่งแรก และแห่งเดียวในประเทศไทยแถมยังเป็นแหล่งสร้างรายได้โดยใช้โมเดลธุรกิจใกล้เคียงกับบรรดาสนามฟุตบอลระดับโลกดัง ๆ อีกด้วย ซึ่งไม่ได้มีความสำคัญแค่เป็นสถานที่จัดการแข่งขันฟุตบอลแมทช์สำคัญ ๆ เท่านั้น แต่ยังกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวดึงดูดผู้คนทั้งใน และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงแฟนบอลทุกเพศทุกวัยให้มาที่นี่ เพื่อชมสถานที่แห่งนี้ ขอบคุณภาพจาก : Tiktok @_pongsarammoon, @neungarmy