ปริญญา มอง พล.อ.ประวิตร มาแค่จดหมายยังประชาธิปไตยไม่พอ

วันที่ 2 มี.ค. 2566 เวลา 06:44 น.

เช้านี้ที่หมอชิต - ท่าทีของพลเอกประวิตร ที่พยายามบอกให้ทุกฝ่ายให้ก้าวข้ามความขัดแย้ง และมีจดหมายทอดไมตรีถึงฝ่ายประชาธิปไตยบ่อยครั้งในช่วงนี้ กำลังนำไปสู่อะไรต่อ เราได้พูดคุยกับ ผู้ช่วยศาสตรจารย์ดอกเตอร์ ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คำถามแรกที่ถามอาจารย์ปริญญา คือ จดหมายของพลเอกประวิตรที่ออกมา คือการส่งสัญญาณว่า ท่านกำลังข้ามมาเป็นฝั่งประชาธิปไตยหรือไม่ อาจารย์ปริญญา มองว่า การที่พลเอกประวิตร มีท่าทีแบบนี้ เพราะรู้ว่ากระแสประชาธิปไตยมา จึงต้องทำให้ภาพตัวเองออกห่างจากพลเอกประยุทธ์ เพราะผลการเลือกตั้งเริ่มชัดเจนมาตั้งแต่ครั้งที่แล้วว่า คนไม่เอาประยุทธ์ หากดูจากการเลือกตั้งครั้งก่อน ฝ่ายเอาประยุทธ์ คือ พรรคพลังประชารัฐ กับพรรครวมพลังประชาชาติไทย ได้รับเสียงโหวตราว 8 ล้านเสียงเท่านั้น ขณะที่ฝ่ายไม่เอาประยุทธ์ มีพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคที่ไปหาเสียงว่าไม่เอาก็ยังมีพรรคภูมิใจไทย พรรคเศรษฐกิจใหม่ของนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ฝั่งนี้ได้มา 20 ล้านเสียง มันขาดมาตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว และตอนนี้เวลาผ่านมาก็ยิ่งเป็นขาลง ดังนั้น พลเอกประวิตร จึงหวังลดแรงต้าน แต่หากไปรวมกับพรรคเพื่อไทยเลย ก็คงจะถูกต่อต้านหรือตั้งคำถามเยอะ ซึ่งก็คือเหตุผลที่พลเอกประวิตร ต้องทำให้ตัวเองดูเป็นประชาธิปไตย และต้องไม่มีภาพลักษณ์ของการต่อท่อสืบทอดอำนาจ คสช. ด้วย แต่เมื่อถามว่าแค่โพสต์จดหมายพอไหม ไปฟังความเห็นชัด ๆ จากปากอาจารย์ปริญญาเองดีกว่า