ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่ผ่าน ยื่นอุทรธรณ์ขอแก้ไขข้อมูลได้ก่อน 1 พ.ค.66

วันที่ 1 มี.ค. 2566 เวลา 10:03 น.

ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่ผ่านคุณสมบัติ มีขั้นตอนการยื่นอุทธรณ์ด้วยตัวเอง ผ่านทางเว็บไซต์ และไปที่หน่วยรับลงทะเบียน 7 แห่ง ก่อน 1 พ.ค.66 วันนี้ (1 มี.ค.2566) กระทรวงการคลังได้เปิดให้ ผู้ลงทะเบียนร่วมโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 66 ได้ตรวจสอบสิทธิผ่าน-ไม่ผ่านคุณสมบัติ เป็นวันแรก โดยปีนี้มีผู้ได้รับสิทธิ14.59 ล้านคน และมีผู้ไม่ผ่านจำนวน 5.05 ล้านคน ไม่ผ่าน การพิจารณาคุณสมบัติ ผู้ลงทะเบียนขอร่วมโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เรียบร้อยแล้ว แต่ผลการพิจารณากลับไม่ผ่านคุณสมบัติ ยังสามารถ ยื่นอุทธรณ์ ได้  โดยยื่นอุทธรณ์ด้วยตัวเองผ่านเว็บไซต์  https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ได้ตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น. ของทุกวัน  นอกจากนี้ ยังขออุทธรณ์ผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียน 7 แห่ง ได้แก่ -.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร - ธนาคารกรุงไทย - ธนาคารออมสิน - สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัด - ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ หรือ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร - ศาลาว่าการเมืองพัทยา ไม่ว่าจะยื่นอุทธรณ์ผ่านช่องทางไหน ผู้ลงทะเบียนต้องใช้บัตรประชาชในการกรอกข้อมูลผ่านเว็บไซต์  ถ้าไปอุทธรณ์ที่หน่วยรับลงทะเบียน ต้องแสดงบัตรประชาชนตัวจริงกับเจ้าหน้าที่และไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยื่นอุทธรณ์ที่หน่วยเดิมที่เราลงทะเบียน สะดวกที่ไหนไปที่นั่นได้เลย ทั้งนี้ สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2566 – 1 พ.ค.2566  โดยจะประกาศผลการยื่นอุทธรณ์ 20 มิ.ย.2566  และเริ่มใช้สิทธิในบัตรได้ 1 ก.ค.2566 หากผู้ลงทะเบียนไม่สามารถเดินทางมาตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติ หรืออุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติ กรณีที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติด้วยตนเองได้ที่หน่วยงานรับลงทะเบียน ต้องดำเนินการอย่างไร หากผู้ลงทะเบียนเป็น ผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินทางมาอุทธรณ์ได้ สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นทำแทนได้  โดยจะต้องมีเอกสาร ดังนี้ 1. หนังสือมอบอำนาจ (สำหรับผู้ลงทะเบียนที่เป็นผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนได้ด้วยตนเอง) (ดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์โครงการ) 2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ลงทะเบียน (ผู้มอบอำนาจ) พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง 3. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง 4. สำเนาบัตรประจำตัวคนพิการ พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง (ถ้ามี) หรือใบรับรองแพทย์ (ถ้ามี)