ร้อง รพ.เอกชน ทำทารกตายในครรภ์ จ.นครราชสีมา

วันที่ 24 ก.พ. 2566 เวลา 16:32 น.

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ครอบครัวเศร้าสูญเสียลูกสาว หลังโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง บกพร่องระหว่างรอผ่าคลอด พยาบาลฟังเสียงการเต้นของหัวใจทารกไม่ชัด แต่ไม่ใช้เครื่องมือแพทย์ตรวจซ้ำ สุดท้ายทารกเสียชีวิตในครรภ์ ร.ต.อ.ปริวัตร อายุ 61 ปี พร้อมด้วย นายอนุศิษฏ์ อายุ 34 ปี ลูกเขย เดินทางเข้าร้องเรียนกับ นายแพทย์วิชาญ คิดเห็น รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา จากกรณีที่ นางปริตรา ภรรยาของนายอนุศิษฏ์ ได้ตั้งครรภ์ และนัดหมายผ่าคลอดที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา เวลา 06.09 น. โดย นางปริตรา ได้เข้าไปนอนพักที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม เวลา 19.00 น. เพื่อจะผ่าคลอดในวันรุ่งขึ้น ซึ่งขณะนอนพักรอคลอดบุตรอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น พยาบาลได้ใช้เครื่องมือทางการแพทย์ตรวจครรภ์ แล้วแจ้งว่าการเต้นของหัวใจทารกปกติดีทุกอย่าง จนกระทั่งเวลาประมาณ 02.30 น. พยาบาลเวรได้เข้ามาตรวจวัดความดัน และการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ และแจ้งว่าฟังเสียงการเต้นของหัวใจทารกไม่ชัด ทารกอาจจะโก่งตัว จึงทำให้ฟังไม่ชัด ก่อนที่พยาบาลเวรจะเดินออกไป โดยไม่มีการตรวจด้วยเครื่องมืออย่างอื่นซ้ำอีก และไม่มีการรายงานเหตุต่อแพทย์แต่อย่างใด ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักวิธีทางการรักษาผู้ป่วย เมื่อใกล้ถึงกำหนดผ่าคลอด ช่วงเช้าของวันที่ 11 มกราคม เวลาประมาณ 06.00 น. พยาบาลได้นำ นางปริตรา เข้าห้องผ่าตัดทำคลอด โดยแพทย์ได้เข้ามาตรวจครรภ์ของนางปริตรา เพื่อจะผ่าคลอด ปรากฏว่าทารกภายในครรภ์ของนางปริตรา เสียชีวิตลงไปก่อนแล้ว โดยจากการตรวจ แพทย์ระบุว่าทารกภายในครรภ์ของนางปริตรา เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 4 ชั่วโมง ซึ่งทารกเป็นเพศหญิง น้ำหนักตัว 2,840 กรัม ร.ต.อ.ปริวัตร พ่อของนางปริตรา เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกสาวและลูกเขยของตนนั้น เชื่อว่าเกิดจากความบกพร่อง และประมาทเลินเล่อของบุคลากรของโรงพยาบาล ซึ่งหลังเกิดเหตุ ทางโรงพยาบาลได้เจรจาพูดคุยกับทางครอบครัวของลูกสาว และยอมรับว่าเป็นความบกพร่องของบุคลากรของโรงพยาบาล โดยยินดีจะชดใช้เยียวยาให้กับครอบครัวลูกสาว แต่หลังจากพูดคุยเจรจากันมาแล้ว 3-4 ครั้ง ก็ยังตกลงกันไม่ได้ เพราะทางโรงพยาบาลยินยอมชดใช้เยียวยาให้ครอบครัวลูกสาว 3 ล้านบาท แต่ทางครอบครัวเห็นว่าเป็นจำนวนที่น้อยเกินไป เนื่องจากหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ครอบครัวต้องอยู่ในภาวะเศร้าเสียใจ และกระทบกระเทือนกับการดำเนินชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะลูกสาวของตนที่ทำงานเป็นครู และต้องสูญเสียลูกในครรภ์ไป ทุกวันนี้ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เพราะเมื่อลูกสาวของตนมองเห็นเด็ก ๆ ก็จะอยู่ในอาการซึมเศร้า ทำใจกับการสูญเสียลูกไม่ได้ จึงได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองนครราชสีมา พร้อมกับเข้าร้องเรียนกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ด้าน นายแพทย์วิชาญ คิดเห็น รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทางสำนักงานสาธาณสุขจังหวัดนครราชสีมาได้รับเรื่องไว้แล้ว และจะเร่งดำเนินการประสานกับทางโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าว เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยเจรจาไกล่เกลี่ยหาข้อสรุปกันด้วยความพอใจของทั้งสองฝ่าย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดขณะนี้ ก็คือสภาพจิตใจของครอบครัวผู้ที่สูญเสีย ซึ่งทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา จะได้ส่งทีมแพทย์ และนักจิตวิทยา ลงไปให้คำแนะนำเป็นการด่วน