3 เส้นทางน้ำมันเถื่อน เส้นทางรวยของเจ้าหน้าที่นอกรีต

วันที่ 15 ก.พ. 2566 เวลา 11:31 น.

ห้องข่าวภาคเที่ยง - ห้องข่าวภาคเที่ยงวันนี้ เปิดประเด็น เรื่องส่วยน้ำมันเถื่อน ซึ่งความจริงเราเคยนำเสนอกันหลากหลายมิติในคอลัมน์หมายเลข 7 ไปแล้ว แต่วันนี้เรามีแง่มุมต่อยอดจาก ที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เคยเปิดเอาไว้ถึง นายพล จ. พัวพันส่วยน้ำมันเถื่อน โดยจะเจาะให้เห็นเลยว่าเส้นทางน้ำมันเถื่อนมายังไง และเขาจ่ายส่วยกันแบบไหน ต้องบอกว่าน้ำมันเถื่อนกลับมาระบาดหนักอีกครั้ง หลังราคาน้ำมันพุ่ง จนถึงขนาดบริษัทผู้ค้าส่งน้ำมันแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา ให้ข้อมูลกับทีมข่าวของเราว่า ตั้งแต่เปิดบริษัทมา 27 ปี ยังไม่เคยเกิดวิกฤตน้ำมันขาดแคลนเหมือนที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้มาก่อน และด้วยปัญหาการขาดแคลน ทำให้น้ำมันเถื่อนทะลักจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในไทยเพิ่มขึ้น โดยลักลอบนำเข้ามาทางชายแดน อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ทำแบบเป็นขบวนการ มีรถบรรทุกหัวลากนับ 100 คัน และยังมีรถกระบะดัดแปลง ซึ่งภายในบรรจุถังใส่น้ำมันได้ 1,000-2,000 ลิตรต่อคัน ซึ่งก็มีจำนวนนับ 100 คันเช่นเดียวกัน โดยมี เจ๊ อ. กับเจ๊ ป. เป็นเจ้าแม่น้ำมันเถื่อนในภาคใต้ นั่นเป็นเส้นทางน้ำมันเถื่อนแรกที่เราเปิดให้ดู และยังมีอีกช่องทางหนึ่ง คือ การเล่นแร่แปรธาตุจากน้ำมันเขียว ซึ่งเป็นน้ำมันที่รัฐจ่ายเงินอุดหนุนลิตรละ 7 บาท ไปเป็นน้ำมันเถื่อน แล้วย้อนกลับมาจำหน่ายบนฝั่งให้แก่ภาคอุตสาหกรรมการเกษตรประมงต่อเนื่อง รวมไปจนถึงประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดน นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งช่องทาง คือ เริ่มจากการกลั่นน้ำมันดิบในประเทศ เข้าสู่กระบวนการผลิต แจ้งส่งออกน้ำมันกับกรมศุลกากรไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะได้รับการยกเว้นภาษีสรรพสามิต ทันทีที่เรือบรรทุกน้ำมันผ่านน่านน้ำไทยไปอยู่ที่น่านน้ำสากล เรือบรรทุกน้ำมันจะจอดลอยลำกลางทะเล รอให้เรืออีกลำมาถ่ายน้ำมันออก เสร็จแล้วย้อนกลับมาจำหน่ายในไทย กำไรโดยเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10 บาทต่อลิตร ซึ่งขบวนการเหล่านี้ยอมจ่ายส่วยให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ให้หลับตาข้างหนึ่ง แลกกับการทำกำไรจากส่วนต่างของน้ำมันเถื่อน ในแต่ละปีจึงมีเงินสีเทาปลิวว่อนอยู่ในหมู่เจ้าหน้าที่รัฐนอกรีตนับ 1,000 ล้านบาท บนความสูญเสียเงินภาษีของประเทศชาติ ซึ่งส่วยน้ำมันเถื่อน ยังเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ นายชูวิทย์ เชื่อมโยงไปถึง นายพล จ. ว่านอกจากรับเงินเว็บพนันออนไลน์แล้ว ยังลามไปถึงการรับส่วยน้ำมันเถื่อนด้วย เรียกว่ารับสองเด้งเลย และนี่ก็เลยเป็นประเด็นที่ เมื่อวานนี้ พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกคำสั่งให้ตรวจสอบกรณี สารวัตรซัว และ นายพล จ. ที่ถูกกล่าวหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์และน้ำมันเถื่อน ขีดเส้นให้รายงานผลภายใน 15 วัน หากผิดจริง ฟันไม่เลี้ยงทั้งวินัยและอาญา เมื่อไปดูโครงสร้างศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะพบว่ามีหลายหน่วยงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยหนึ่งในนั้นมี พลตำรวจโท กรไชย คล้ายคลึง หรือ บิ๊กแจง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมอยู่ด้วย มีหน้าที่สำคัญคือ กรณีที่ผู้อำนวยการศูนย์ฯ ซึ่งก็คือ บิ๊กโจ๊ก พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไม่อยู่ ให้ปฏิบัติราชการแทนผู้อำนวยการศูนย์ได้เลย แต่ล่าสุดมีรายงานว่า เมื่อวานนี้ได้ลาออกจากตำแหน่งในศูนย์ฯนี้แล้ว ขณะที่เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไว้ว่า ตนเองไม่มีเอี่ยวใด ๆ กับเว็บพนันออนไลน์และส่วยน้ำมันเถื่อน ใครโยงมั่ว ระวังถูกดำเนินคดี ซึ่งด้าน นายชูวิทย์ แสดงความพอใจที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับลูกตั้งกรรมการสอบทั้งสารวัตรซัว และ นายพล จ. พร้อมยืนยันไม่เคยมีการเคลียร์ใจกับ นายพล จ. ตามที่มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้านี้ และขอให้รอดูผลการสอบสวนของจเรตำรวจ เชื่อว่ารู้ผลภายใน 15 วัน ตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขีดเส้นเอาไว้