ธปท.เปิด 8 ข้อเท็จจริงคนไทยเป็นหนี้เร็ว หนี้สะสมเรื้อรัง เร่งออก 4 แนวทางแก้หนี้ได้จริง

วันที่ 14 ก.พ. 2566 เวลา 16:50 น.

ธปท.เผย 8 ข้อเท็จจริงทำให้คนไทยมีหนี้สะสมเรื้อรัง พบคนเริ่มต้นทำงานเป็นหนี้บัตรเครดิตหลายใบ เป็นหนี้เกินตัว คนวันเกษียณยังมีหนี้ผ่อนไม่หมด เร่งออก 4 แนวทางแก้ปัญหาหนี้ได้จริง ไม่สร้างภาระหนี้เพิ่มเร็ว ๆ นี้ วันนี้ (14 ก.พ.2566) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ได้เผยแพร่แนวทางแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน  โดยได้ทำการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ พูดคุยกับลูกหนี้หลากหลายกลุ่ม  พบว่า  ปัญหาหนี้ครัวเรือนไทย ที่มียอดหนี้รวมกันมากถึง 14.99 ล้านล้านบาท  โดย 2 ใน 3 เป็นหนี้เพื่อการบริโภคหรือหนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล และ 1 ใน 3 เป็นหนี้บ้านที่อยู่อาศัย  ซึ่งจำนวนหนี้เพื่อการบริโภคที่มากกว่าหนี้ที่อยู่อาศัย ทำให้ครัวเรือนไทยมีหนี้สะสม เรื้อรัง ไม่มั่นคง 8 ข้อเท็จจริงที่ทำให้คนไทยมีปัญหาหนี้สะสม 1.เป็นหนี้เร็ว  โดยพบว่า คนวัยเริ่มทำงานอายุ 25-29 ปี มากกว่า 58% เป็นหนี้ และมากกว่า 25% เป็นหนี้เสีย  ส่วนใหญ่เป็นหนี้บัตรเครดิตหลายใบตั้งแต่ทำงานได้เพียงปีเดียว โดยพฤติกรรมการใช้บัตรเครดิตนำไปใช้จ่าย กินเที่ยวจนเต็มวงเงินภายในไม่ถึง 1 ปี จากนั้นก็จ่ายหนี้ขั้นต่ำจนหนี้พอกพูด สุดท้ายเป็นหนี้เสีย 2.เป็นหนี้เกินตัว  เกือบ 30% ของลูกหนี้บัตรเครดิตและหนี้ส่วนบุคคลจะมีบัตรเครดิตหลายใบ มีหนี้เกิน 4 บัญชีต่อคน วงเงินรวมต่อคนสูงกว่าเงินเดือนหรือสูงกว่ารายได้ 10-25 เท่า ทำให้แต่ละเดือนมีภาระจ่ายหนี้เกินครึ่งของรายได้ 3.เป็นหนี้โดยไม่ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนหรือถูกต้อง  เป็นปัญหาในขั้นตอนการเสนอขายสินเชื่อของสถาบันการเงิน คือลูกหนี้ได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง 4.เป็นหนี้เพราะมีเหตุจำเป็น  โดยพบว่ากว่า 62% ของครัวเรือนไทยมีเงินออมที่ไว้ใช้ในยามฉุกเฉินไม่เพียงพอ เมื่อเกิดเหตุทำให้ราได้ลดลง 20% จะมีปัญหาไม่มีเงินพอจ่ายหนี้ 5.เป็นหนี้นาน  พบว่ามากกว่า 1 ใน 4 ของคนที่อายุเกิน 60 ปียังมีภาระหนี้ต้องผ่อนชำระทุกคน โดยเป็นหนี้เฉลี่ยสูงกว่า 415,000 บาทต่อคน รวมทั้งลูกหนี้มักจะผ่อนชำระขั้นต่ำมาโดยตลอด 6.เป็นหนี้เสีย  จากลูกหนี้ 10 ล้านบัญชีที่เป็นหนี้เสียเกือบครึ่ง หรือ 4.5 ล้านบัญชีเพิ่งเป็นหนี้ในช่วงโควิด-19 7.เป็นหนี้ไม่จบไม่สิ้น  พบว่าเกือบ 20% ของบัญชีหนี้เสียถูกยื่นฟ้อง และ 1 ใน 3 ของลูกหนี้จะถูกยึดทรัพย์ขายทอดตลาด ก็ยังปลดหนี้ไม่ได้ 8.เป็นหนี้นอกระบบ  พบว่า 42% ของกว่า 4,600 ครัวเรือนที่สุ่มตัวอย่างจากทั่วทุกภูมิภาค มีหนี้นอกระบบเฉลี่ยคนละ 54,300 บาท  บางรายเป็นหนี้เพราะเล่นการพนัน ต้องยืมเงินคนรอบตัว กู้แบงก์ไปเล่นพนันจนหนี้พอกพูน สุดท้ายต้องพึ่งเงินนอกระบบ จากปัญหาหนี้ครัวเรือนดังกล่าว ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องเร่งผลักดันการแก้ไขปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน  เพราะหากไม่ดำเนินการแก้ไขหนี้อย่างยั่งยืนคาดว่าหนี้ครัวเรือนจะสูงกว่า 80% ของจีดีพี ซึ่งเป็นระดับเฝ้าระวัง ที่อาจฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจ และสร้างความเสี่ยงต่อเสถียรภาพระบบการเงินได้ แนวทางแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน ดังนั้น ธปท.จึงต้องแก้ปัญหานี้อย่างครบวงจร เหมาะสมกับบุคคล และสาเหตุที่ทำให้เกิดหนี้ ต้องแก้ปัญหาตรงจุด ไม่สร้างภาระเพิ่มให้ลูกหนี้ ไม่ลดโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อ ซึ่งทั้งเจ้าหนี้ ลูกหนี้ ภาครัฐ จำเป็นต้องร่วมมือกัน แก้ไข 1. หนี้เสียที่มีอยู่ในปัจจุบัน : เร่งรัดการปรับโครงสร้างหนี้ตามมาตรการแก้หนี้ระยะยาว การกำหนดให้เจ้าหนี้ต้องมีบริการให้คำปรึกษาแก้หนี้ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ของลูกหนี้ การสร้างตัวช่วยลูกหนี้ โดยให้มีคนกลางทำหน้าที่ให้คำแนะนำด้านการแก้หนี้และไกล่เกลี่ยหนี้ และการผลักดันให้มีกฎหมายที่ช่วยให้ลูกหนี้รายย่อยทั่วไปที่ไปต่อไม่ไหวได้เข้ากระบวนการฟื้นฟูหรือขอล้มละลายได้ด้วยตนเอง 2. หนี้ที่เป็นปัญหาเรื้อรัง : ให้ลูกหนี้เห็นทางปิดจบหนี้ได้ โดยจะผลักดันให้มีแนวทางแก้ไขปัญหา เริ่มจากหนี้บัตรกดเงินสดที่เป็นหนี้เรื้อรังของลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง มีอายุมากและมีปัญหาทางการเงินรุนแรงก่อน 3. หนี้ใหม่ที่เพิ่มขึ้นเร็วและอาจเป็นหนี้เสียหรือเรื้อรังในอนาคต : ธปท. จะออกเกณฑ์เพื่อให้เจ้าหนี้ปล่อยสินเชื่อด้วยความรับผิดชอบ (responsible lending) และกำหนดให้เจ้าหนี้ปล่อยสินเชื่อโดยคำนึงถึงความสามารถในการจ่ายหนี้คืนและลูกหนี้ยังมีเงินเหลือพอดำรงชีพ (macroprudential policy) รวมถึงสร้างแรงจูงใจให้เจ้าหนี้สินเชื่อรายย่อยคิดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงของลูกหนี้แต่ละราย (risk-based pricing) พร้อมผลักดันให้เจ้าหนี้อื่นเห็นพฤติกรรมดีของลูกหนี้ เพื่อกระตุ้นการรีไฟแนนซ์หนี้ไปยังดอกเบี้ยที่ถูกลง 4. หนี้ที่ยังไม่อยู่ในตัวเลขหนี้ครัวเรือน อาทิ หนี้ กยศ. สินเชื่อสหกรณ์อื่น และหนี้นอกระบบ : จะมีการติดตามข้อมูลให้ครอบคลุมลูกหนี้ต่าง ๆ มากขึ้น และผลักดันให้มีการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลต่าง ๆ ในการประเมินและติดตามสินเชื่อ อาทิ ข้อมูลพฤติกรรมการจ่ายเงิน เพื่อให้ลูกหนี้เข้าถึงสินเชื่อในระบบมากขึ้นและด้วยต้นทุนการกู้ยืมที่ตรงตามความเสี่ยงของตน ซึ่งทั้ง 4 แนวทาง ธปท.จะเร่งดำเนินการผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การแก้ไขปัญหาตรงจุด แก้ปัญหานี้ได้จริง ซึ่งจะช่วยให้ภาครัวเรือนมีความเป็นอยู่ดีขึ้น เสถียรภาพทางเศรษฐกิจดีขึ้น ระบบการเงินเข็มแข็งขึ้นต่อไป