หนุ่มขอนแก่นเสพยาบ้าคลุ้มคลั่ง ปีนเสาไฟฟ้าแรงสูง เครียดเมียทิ้ง แม่ด่า ไม่บำบัด ไม่อยากทำงาน อยากติดคุก

วันที่ 12 ก.พ. 2566 เวลา 15:02 น.

วันนี้ (12 ก.พ. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.45 น. ที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ต้องขึ้นรถกระเช้าดับเพลิงเทศบาลนครขอนแก่น เพื่อขึ้นไปพูดคุยกับชายที่ได้ปีนขึ้นไปบนเสาไฟฟ้าแรงสูง ภายในชุมชนเหล่านาดี 12 เขตเทศบาลนครขอนแก่น อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น หลังจากได้ปืนขึ้นไปบนเสาไฟฟ้าตั้งแต่เวลาประมาณ 07.00 น. ที่ผ่านมา หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันพูดคุย จึงได้นำรถกระเช้าขึ้นไปรับตัวชายคนดังกล่าวลงมาได้สำเร็จ โดยต้องใส่กุญแจมือ เพื่อไม่ให้ผู้ก่อเหตุคลุ้มคลั่งขึ้นมาอีก จนกระทั่งกระเช้าได้ลงมาสู่พื้น สร้างความโล่งใจกับเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวไปที่ สภ.เมืองขอนแก่น โดยชายคนดังกล่าว บอกว่า ตนเองเสพยาบ้า ส่วนการจะเข้ารับการรักษาบำบัดนั้น ไม่ยาอยากบำบัด แต่อยากจะเข้าคุกแบบไม่มีกำหนด และอยากอยู่แบบไม่มีครอบครัว อยากอยู่ในคุกมากกว่าการทำงาน ด้าน นางนงค์เยาว์ กงภูเวศน์ ประธานชุมชนซอยเหล่านาดี 12 บอกว่า ผู้ก่อเหตุ อายุ 29 ปี โดยครอบครัวของชายคนนี้เดิมทีอยู่บริเวณบึงแก่นนคร จากนั้นได้มาซื้อบ้านอยู่ภายในชุมชนเหล่านาดี 12 ได้ประมาณ 1 ปีกว่า และจะไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับคนในชุมชนเท่าไหร่ เพราะเป็นครอบครัวใหญ่ มีสมาชิกอยู่หลายคน จนกระทั่งระยะหลัง แฟนสาวของชายคนดังกล่าวได้มีปากเสียงกันเป็นประจำ รวมทั้งแม่ก็มีปากเสียงทุกวัน และยังพบว่าเป็นคนที่มีการเสพยาเสพติดด้วย ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้แม่ได้ด่าอีกว่า เป็นคนไม่มีประโยชน์ มีแต่ขอเงินใช้ไปวันๆ ไม่ยอมทำงาน จนทำให้เกิดอาการเครียด ก่อนที่จะปีนขึ้นไปบนเสาไฟฟ้าแรงสูง กระทั่งเวลา 08.00 น. ชาวบ้านได้โทรแจ้งตนเองให้ทราบ ซึ่งปัญหาของชายคนนี้คือมักน้อยใจ เพราะถูกแม่ด่าเนื่องจากขอเงินไปซื้อยาเสพติดมาเสพ ซึ่งหากทางครอบครัวต้องการให้บำบัด ทางตนเองซึ่งเป็นผู้นำชุมชน ก็จะช่วยในการนำตัวไปบำบัดยาเสพติด หรือหากไม่มีงานทำ ทางตนเองก็จะมีการประสานเพื่อหางานให้ทำ เพื่อไม่ให้กลับมายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะเทศบาลนครขอนแก่น ได้ดูเรื่องปัญหายาเสพติดในชุมชนมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไปที่ สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อสงบสติอารมณ์ จากการตรวจสอบปัสสาวะ พบว่าปัสสาวะมีสีม่วง จึงได้แจ้งข้อกล่าว “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” ก่อนจะนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป