พี่เลี้ยงเด็กสารภาพ จับหนูน้อย 1 ขวบ 2 เดือน หัวโขกพื้น 3 ครั้ง สมองบวมโคม่า

วันที่ 11 ก.พ. 2566 เวลา 10:14 น.

จากกรณี น.ส.วนิดา อายุ 26 ปี ได้ออกมาร้องเรียนผ่านผู้สื่อข่าว กรณีที่ ลูกชายวัย 1 ขวบ 2 เดือน 2 ต้องเข้าหลังรักษจตัวที่ รพ.สระบุรี ซึ่งถูกส่งต่อมาจากรพ.หนองแค ด้วยอาการหมดสติไม่รู้สึกตัวตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. 66 โดยอยู่ในห้องผู้ป่วยวิกฤต ICU โดย น.ส.วนิดา เล่าให้ฟังว่า  ก่อนเกิดเหตุตนอยู่ระหว่างเตรียมหางานทำ ในเขต อ.หนองแค แต่ตนมีภาระต้องเลี้ยงดูลูกชาย เนื่องจากตนเลิกกับสามีตั้งแต่ลูกอยู่ในครรภ์ จึงเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว มีคนแนะนำให้นำน้อง ไปฝากเลี้ยงที่สถานที่รับเลี้ยงเด็ก บ้านของนางสิริยาพร อายุ 33 ปี ในพื้นที่ ต.หนองปลาหมอ อ.หนองแค จ.สระบุรี ตนจึงได้เดินทางไปดู สถานที่รับเลี้ยงเด็กดังกล่าว มีผู้ใหญ่อยู่รวมกันหลายคน พบว่า มีผู้ปกครองคนอื่นๆ นำลูกมาฝากเลี้ยงอยู่ก่อนแล้ว 2-3 คน ดูแล้วสถานที่ดูสะอาดสะอ้านจึงนำน้องไปฝากเลี้ยงก่อนเป็นรายวัน วันละ 150 บาท เมื่อ 3 วันก่อน หากผ่านและไม่มีปัญหาอะไรก็จะฝากเลี้ยงเป็นรายเดือนเพื่อตนจะได้เข้าทำงาน            น.ส.วนิดา กล่าวต่อว่า สองวันแรกไม่มีปัญหาอะไร แต่พอวันที่สาม (8 ก.พ. 66) ตนนำน้องไปฝากเลี้ยงในช่วงบ่าย ต่อมาไม่นานตนได้รับการติดต่อจาก นางสิริยาพร (คนรับเลี้ยง) ว่า น้องมีอาการผิดปกติ ตัวเกร็ง มีเลือดไหลออกมาทางปาก นอนกัดลิ้นตัวเอง พร้อมแช็ตไลน์และส่งรูปถ่ายมาสอบถามอาการ ตนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเดินทางไปที่บ้านของนางสิริยาพร พบว่า อาการน้องหนักมากแล้ว ไม่รู้สึกตัว แล้วตามตัวมีรอยฟกช้ำ จึงรีบอุ้มน้องส่ง รพ.หนองแค ซึ่งแพทย์ได้ตรวจดูอาการเบื้องต้นแล้วรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้น ใส่สายเครื่องช่วยหายใจ แล้วรีบส่งต่อมารักษาที่ รพ.สระบุรี จากนั้่น แพทย์ รพ.สระบุรี ได้นำเข้าเครื่องสแกนสมองและตรวจดูอาการอื่นๆ เสร็จแล้วนำกลับมาดูแลรักษา ในห้อง ICU โดยแจ้งว่า น้องสมองบวม อาการค่อนข้างวิกฤต มีเลือดออกที่ตา และตามร่างกายมีรอยช้ำบวม ขอให้ทำใจที่น้องอยู่ได้ก็เพราะเครื่องช่วยหายใจ และยา โอกาสที่น้องจะกลับมามีแค่ 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ขอให้ตนทำใจ จึงรู้สึกข้องใจมาก เพราะลูกไม่มีโรคประจำตัวใดๆ จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.สถิตย์พงษ์ ศรีอ่อน รอง สว.(สอบสวน) สภ.หนองแค ให้เข้าไปตรวจสอบหาพยานหลักฐาน (กล้องวงจรปิด) จากบ้านนางสิริยาพร ว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อดำเนินคดีกับผู้ทำทำร้างลูกของตนต่อไป            ต่อมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สอบสวน สภ.หนองแค ได้เชิญตัว นางสิริยาพร  มาสอบสวน โดยใช้เวลา กว่า 5 ชั่วโมง จนนางสิริยาพร ทนแรงกดดันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ไหว พร้อมจำนนด้วยหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมี เสียงจากกล้องวงจรปิดหน้าบ้าน ของผู้ที่รับเลี้ยงเด็ก โดยนางสิริยาพร กล่าวอ้างว่า หลังจากที่แม่น้อง นำน้องมาส่งได้ประมาณ 1 ชั่วโมง ปรากฏว่าน้องได้ร้องไห้งอแงตลอดเวลาไม่ยอมหยุด เนื่องจากว่าเด็กไม่คุ้นชิน และการร้องไห้ของน้อง ได้ใช้หัวโขกพื้นด้วย ตนเองพยายามเกลี้ยมกล่อมอยู่นาน แต่น้องไม่หยุดร้อง  และยังคงใช้หัวโขกไปที่พื้น ด้วยความพลั้งมือ ตนจึงได้จับหัวน้องโขกไปที่พื้นด้วยถึง 3 ครั้ง โดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่คิดว่าน้องจะได้รับผลกระทบถึงขนาดนี้            ทางด้าน พ.ต.อ.สถิตย์ สังข์ประไพ ผกก.สภ.หนองแค เผยว่า ผู้ต้องหายอมรับสารภาพ ว่า เผลอตัวทำร้ายเด็กจริง โดยไม่คิดว่าเด็กจะได้รับอันตรายถึงขนาดนี้ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุมัติหมายศาลเพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดีทางด้านกฎหายต่อไป โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหาไว้ว่า ทำร้ายร่างกายอันก่อให้เกิดอันตรายถึงสาหัส และทารุณกรรมต่อร่างกาย หรือจิตใจของเด็ก ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก นอกจากนี้พบว่า นางสิริยาพร ยังเคยต้องโทษในคดีฉ้อโกง เรื่องหน้ากากอนามัย(แมสก์) เมื่อปี 2564 ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการผ่อนชำระ ล่าสุดวันนี้ (11 ก.พ. 66) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยัง สภ.หนองแคพบว่า นางสิริยาพร ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวอยู่ในห้องคุมขัง ของ สภ.หนองแค ซึ่งอยู่ในสภาพที่อิดโรย อย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากได้นอนมาทั้งคืน หลังจากที่ศาลได้อนุมัติออกหมายจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไว้ในห้องขังทันที แลในช่วงเช้าได้มีญาติมาเยี่ยม 3-4 คน จากนั้นเวลา 01.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวขึ้นรถของ สภ.หนองแค ไปฝากขังยังศาลจังหวัดสระบุรี ซึ่งในด้านการประกันตัวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญเป็นที่สนใจของประชาชน            เมื่อเดินทางไปยังบ้านผู้ก่อเหตุ พบว่าบ้านปิดเงียบ มีเพียงสุนัขอยู่ภายในบ้าน ทราบว่าญาติๆ ได้เดินทางไปยังศาล โดยเตรียมหลักทรัพย์ไปยื่นขอประกันตัวในชั้นศาลต่อไป            จากการสอบถามเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันกับผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ทางบ้านผู้ก่อเหตุเพิ่งย้ายมาอยู่ในซอยนี้ได้ปีกว่าๆ แม่ของผู้ก่อเหตุจะเป็นคนที่พูดจาดี ส่วนสามีของผู้ก่อเหตุ จะไม่ค่อยพูดคุยกับใครโดยส่วนตัวแล้วเคยเห็นว่ามีการทุบตีเด็ก และไม่ค่อยได้ยินเสียงเด็กร้อง จะได้ยินก็แต่ลูกของผู้ก่อเหตุอ้อน ซึ่งส่วนใหญ่จะเลี้ยงเด็กอยู่ภายในบ้าน ซึ่งเด็กจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนมาจ้างเลี้ยง ส่วนเรื่องทุบตีเด็กตนก็ไม่รู้ ไม่เคยเห็น เพิ่งจะมารับเลี้ยงเด็กไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งช่วงเช้าผู้ก่อเหตุจะขายกับข้าว ช่วงบ่ายว่างก็จะรับเลี้ยงเด็ก ซึ่งตนเองก็เพิ่งรู้เอวานนี้หลังจากได้เห็นข่าว