องคมนตรี ไปติดตามการดำเนินงานโครงการไฟฟ้าพลังน้ำคิรีธาร จังหวัดจันทบุรี
วันที่ 20 ม.ค. 2566 เวลา 20:07 น.
พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคกลาง และ พลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง องคมนตรี รองประธานอนุกรรมการฯ พร้อมด้วย ผู้แทนสำนักงาน กปร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปติดตามการดำเนินงานโครงการไฟฟ้าพลังน้ำคิรีธาร ตำบลปัถวี อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี พร้อมฟังบรรยายสรุปการดำเนินโครงการไฟฟ้าพลังน้ำคีรีธาร และโครงการไฟฟ้าพลังน้ำคลองทุ่งเพล โครงการไฟฟ้าพลังน้ำคิรีธาร สร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2529 ได้รับพระราชทานนามว่า "เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำคิรีธาร" เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำที่เหมาะสมให้เกิดประโยชน์ทางด้านการผลิตกระแสไฟฟ้า การเกษตร การป้องกันน้ำเค็ม และเป็นแหล่งน้ำจืดสำหรับการอุปโภคบริโภคในเขตเทศบาลเมืองจันทบุรี ส่วนโครงการไฟฟ้าพลังน้ำคลองทุ่งเพล อำเภอคิชฌกูฏ และอำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี เกิดจากแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร ทรงมีพระราชดำริเกี่ยวกับการนำน้ำจากห้วยสะตอมายังเขื่อนคิรีธาร และโครงการไฟฟ้าพลังน้ำคลองทุ่งเพล โดยทั้งสองโครงการอยู่ในความรับผิดชอบของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน จากนั้น รับฟังบรรยายสรุปการดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลางอ่างเก็บน้ำห้วยสะตอ ตำบลหนองบอน อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2539 เพื่อแก้ไขปัญหาภาวะภัยแล้งที่ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนน้ำอย่างหนักทั่วทุกภาคของประเทศในปี 2535 โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนหลักการพัฒนาแหล่งน้ำโครงการพัฒนาลุ่มน้ำตราดของกรมชลประทาน เพื่อพัฒนาพื้นที่ชลประทานและเสริมปริมาณน้ำอุปโภคบริโภค ตลอดจนบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ท้ายน้ำ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการรังวัดแบ่งแยกแปลงกรรมสิทธิ์ คาดว่าจะดำเนินงานได้ครบถ้วนในปี 2566 ระยะเวลาดำเนินการก่อสร้าง ปี 2568-2571 ต่อจากนั้น เดินทางไปยังโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำคิรีธาร เพื่อเยี่ยมชมกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าจากการนำน้ำในเขื่อนคิรีธารมาผลิตเป็นกระแสไฟฟ้า ก่อนปล่อยลงสู่แม่น้ำจันทบุรี และคลองเวฬุ เพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ต่อไป สำหรับจังหวัดจันทบุรี มีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รวม 45 โครงการ มีโครงการพัฒนาด้านแหล่งน้ำ 24 โครงการ ซึ่งได้ช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ บรรเทาปัญหาอุทกภัย รวมถึงการประกอบอาชีพเกษตรกรรมได้อย่างยั่งยืน