คดีพลิกแม่ม่ายซื้อกิน ที่แท้คู่ขาคือสามีที่พึ่งแต่งงาน 10 วัน
วันที่ 10 ม.ค. 2566 เวลา 18:16 น.
คดีพลิกแม่ม่ายเปย์เงินให้คู่ขา แล้วถูกขโมยข้าวของ ที่แท้ชายคนดังกล่าวเป็นสามีที่เพิ่งแต่งงานกันได้ 10 วัน จากกรณีวานนี้ (9 ม.ค.66) มีหญิง ชาว จ.บุรีรัมย์ อายุ 32 ปี ขึ้นโรงพักแจ้งความว่า ถูกหนุ่มอายุ 25 ปี ชาว อ.บ้านดุง ผู้ชายที่ตนเองซื้อบริการทางเพศ ให้ที่อยู่หลับนอน เข้านอกออกในภายในบ้าน ได้เข้ามาขโมยโทรศัพท์มือถือ แหวนทองคำ สร้อยข้อมือทองคำ พร้อมกับขู่ฆ่าหลายครั้ง และทำร้ายสุนัขที่เลี้ยงไว้จนตาย ล่าสุดวันนี้ (10 ม.ค.66) ที่ สภ.บ้านดุง พ.ต.ท.มงคล กางการ สว.สอบสวน สภ.บ้านดุง ได้เชิญ น.ส.บุ๋มบิ๋ม (นามสมมุติ) ให้มารับโทรศัพท์มือถือ คืนจาก นายเลข (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี ที่แจ้งความไว้ ซึ่งจากสอบสวนพบว่า น.ส.บุ๋มบิ๋ม กับ นายเลข ที่ถูกแจ้งความ ที่แท้เป็นสามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันได้ 10 วัน โดยทั้งคู่อ้างว่ามีเรื่องบาดหมางไม่เข้าใจกัน น.ส.บุ๋มบิ๋ม เล่าว่า ตัวเองทำธุรกิจด้านการจัดพิธีรำบวงสรวง ทำให้พอมีเงินใช้ แต่ตัวเองเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว มีลูก 4 คน ยอมรับว่า มีช่วงที่เหงาบ้าง เลยซื้อบริการชายหนุ่มในพื้นที่ ผ่านแอปพลิเคชัน และเลี้ยงดูไว้หลายคน จนกระทั่งเมื่อกลางปีที่แล้วได้รู้จักกับนายเลข ก็พูดคุยตกลงซื้อบริการกัน และให้เข้ามาอยู่ในบ้านได้ จนเมื่อปีใหม่ตัดสินใจแต่งงาน โดยที่ตนเองเป็นคนจัดงานแต่งทั้งหมด รวมถึงเงินสินสอด 1 แสน ทองคำ 25 บาท เหตุผลที่แต่งงานกัน เพราะมองว่านายเลขเข้าออกบ้านเป็นประจำ กลัวคนจะมองไม่ดี และหวังว่านายเลข จะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น เพราะมีพฤติกรรมเสพยาบ้า และกัญชา ที่ผ่านมานายเลขรับรู้ว่า ตนชอบซื้อบริการผู้ชายเวลาเหงา แม้จะแต่งงานกัน แต่ก็เข้าใจกันว่าอยู่ในสถานะแบบไหน แต่ระหว่างที่อยู่ด้วยกัน นายเลขทำตัวไม่ดีขึ้น และชอบหึงหวง ตนเองเลยอยากแยกทาง แต่นายเลขได้อัดคลิปถือมีดข่มขู่ ซ้ำยังทำร้ายสุนัขที่เลี้ยงไว้จนตาย 1 ตัว น.ส.บุ๋มบิ๋ม บอกอีกว่า ได้ไล่นายเลข ออกจากบ้านแล้ว แต่นายเลข มาขโมยของเอาไปเป็นตัวประกัน ตอนนี้ขอไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก อย่ามาตอแย ข่มขู่ และอยากจะขอเงินที่โอนไปกว่า 1 แสนบาท บางส่วนคืน และยังมีแหวนทอง หนัก 50 สต. อีกวง ส่วนสร้อยข้อมือทองคำ ตนไม่ขอคืนก็ได้ ส่วนด้านนายเลข เล่าว่า ผู้หญิงชอบหึงหวงเมื่อเห็นรูปแฟนเก่าในมือถือ และชอบถามว่า ทำไมขายนาไปแต่งงานกับคนอื่นได้ แต่ไม่ไม่ทำแบบนั้นกับเธอบ้าง ที่แต่งงานด้วยก็เพราะรัก แต่ก็มีปัญหามาตลอด ทำอะไรไม่ถูกใจก็ไล่ออกจากบ้าน ชอบแจ้งตำรวจมาจับ และยังไปสนิทกับผู้ชายคนอื่น แถมบอกว่า อยู่กันแบบชายขายบริการ ตนเองจึงรู้สึกโมโห ตนเองไม่ได้หนีไปไหน แค่กลับมาอยู่บ้าน และไม่อยากติดต่อฝ่ายหญิง ถามว่ายังรักฝ่ายหญิงหรือไม่ ก็ยังรักอยู่ เมียใคร ใครจะไม่รัก เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็จะมาตามกลับบ้านทุกครั้ง ถ้าวันนี้เป็นความต้องการว่าต้องการเลิกกัน ก็ตกลงตามนั้น ต่อไปก็จะไม่ไปยุ่งวุ่นวายกันอีก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ให้คู่กรณีทั้งสองฝ่าย ทำข้อตกลงห้ามยุ่งเกี่ยวต่อกันอีก ต่อหน้าพนักงานสอบสวน ส่วนฝ่ายชายได้ควบคุมตัวไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด หากพบสารเสพติดก็จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายต่อไป