ไล่ล่ารถกระบะขนแรงงานเถื่อน ขับหลบหนีไม่คิดชีวิต จ.อยุธยา
วันที่ 23 ธ.ค. 2565 เวลา 06:26 น.
ตำรวจทางหลวง ขับรถไล่ล่าคนร้ายที่ลักลอบบรรทุกแรงงานเถื่อนหลบหนีเข้าประเทศ มาแบบอัดแน่นเต็มแคปหน้ารถกระบะถึง 14 คน สุดท้ายไปไม่รอดถูกจับกุมได้ ภาพจากกดล้องหน้ารถของตำรวจทางหลวง บันทึกนาทีไล่ล่ารถกระบะต้องสงสัยคันหนึ่ง ลักษณะโหลดเตี้ย ขับมาตามเส้นทางถนนสายเอเชีย มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร โดยไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เมื่อเห็นผิดสังเกตตำรวจจึงได้เปิดสัญญานไฟให้จอด แต่รถกระบะคันดังกล่าวกับเร่งเครื่องหลบหนี ตำรวจทางหลวงจึงพยายามสกัดเพื่อไม่ให้รถคันดังกล่าวขับหลบหนี มุ่งหน้าเข้าจังหวัดอ่างทอง ตำรวจทางหลวงจึงพยายามสกัดจับ จนกระทั่งสามารถควบคุมรถกระบะคันดังกล่าวไว้ได้ จากการตรวจสอบพบว่า รถกระบะคันดังกล่าวลักรอบขนแรงงานประเทศเพื่อนบ้านมาแบบอัดแน่นเต็มหน้ารถ รวมทั้งหมด 14 คน นายสัญญา แสงสว่าง อายุ 22 ปี คนขับรถกะบะ ให้การยอมรับว่า เมื่อวานนี้ (22 ธ.ค.) ได้รับการประสานจากชายไทยชื่อ เช้ง ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง ให้ไปรับแรงงานประเทศเพื่อนบ้านจำนวน 14 คน ที่อำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก เพื่อไปส่งที่ปลายทางกรุงเทพมหานคร โดยได้ค่าจ้างจำนวน 28,000 บาท โดยตนทราบดีว่าเป็นบุคคลหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และยินยอมที่จะนำพามาส่งที่ปลายทาง และยังยอมรับว่าทำมาแล้ว 2-3 ครั้ง เงินที่ได้จากการขนแรงงานก็จะนำไปเที่ยวและส่วนหนึ่งแบ่งให้รถที่ขับนำทาง ร้อยตำรวจโท ประธาน จตุพันธ์ เปิดเผยว่า ขณะกำลังออกตรวจอยู่บนถนนสายเอเชีย เขตติดต่อจังหวัดอ่างทอง-พระนครศรีอยุธยา พบรถกระบะคันนี้ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับมาด้วยความเร็ว จึงได้ขับติดตามและเรียกให้หยุด แต่รถยนต์คันดังกล่าวไม่ยอมหยุด และพยายามขับหลบหนี ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร จนเกือบเฉี่ยวชนรถยนต์ของชาวบ้านที่สัญจรไปมา เมื่อสกัดจับได้ตรวจค้นภายในรถพบเป็นแรงงานสัญชาติเมียนมา ทั้ง 14 คน สอบถามแล้วไม่มีหนังสือเดินทางเข้าประเทศ หลังจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า นายสัญญา ในข้อกล่าวหารู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม ส่วนผู้ต้องหารายที่ 2-15 ถูกแจ้งข้อกล่าวหาเป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต