ปอศ.บุกค้นตลาดวรจักร จับร้านขายอะไหล่รถปลอม ยึดของกลาง 225 ชิ้น

ปอศ.บุกค้นตลาดวรจักร จับร้านขายอะไหล่รถปลอม ยึดของกลาง 225 ชิ้น

วันที่ 7 ธ.ค. 2565 เวลา 12:39 น.

ปอศ.บุกค้นตลาดวรจักร จับร้านขายอะไหล่รถปลอมยี่ห้อดัง ยึดของกลาง 225 ชิ้น เตือนผู้ใช้อาจเกิดอุบัติเหตุโดยไม่คาดคิดได้ วันนี้ (7 ธ.ค.65) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.วิศรุต บางน้ำเค็ม สว.กก.1 บก.ปอศ. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอศ. พร้อมด้วยตัวแทนผู้รับมอบอำนาจช่วงจาก บริษัทรถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง ร่วมกันจับกุมนายแอ๊ส (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี ได้ที่ร้านจำหน่ายอะไหล่รถยนต์แห่งหนึ่ง ย่านตลาดวรจักร พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา มีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร และตรวจยึดของกลาง อะไหล่รถยนต์ อาทิ ไส้กรองน้ำมันเครื่อง ไส้กรองอากาศ ตลับลูกปืนล้อรถ และผ้าเบรก ปลอมเครื่องหมายการค้า Mobis ปลอมเครื่องหมายการค้าฯ รวมของกลางจำนวน 14 รายการ จำนวน 255 ชิ้น การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ ปอศ. ได้รับแจ้งความร้องทุกข์จากบริษัทรถยนต์ยี่ห้อหนึ่งว่าที่ย่านวรจักร กรุงเทพมหานคร มีการลักลอบจำหน่ายสินค้าที่ปลอมเครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอศ. จึงสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายค้นละเข้าทำการตรวจค้น โดยผลการตรวจค้นพบสินค้าของปลอมเครื่องหมายการค้า Mobis รวมจำนวน 255 ชิ้น สอบถามผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า จำหน่ายสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้าให้กับลูกค้าทั่วไปจริง โดยรับสินค้ามาจากตัวแทนจำหน่ายที่ไม่ใช่ตัวแทนของบริษัทฯ ทั้งนี้ ขอประชาสัมพันธ์ประชาชนในการใช้อะไหล่รถยนต์ปลอม ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงทำให้รถยนต์ของท่านมีปัญหาต่อชิ้นส่วนเครื่องยนต์และเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสูง รวมถึงอาจส่งผลกระทบถึงชีวิตและทรัพย์สินของตัวท่าน บุคคลในครอบครัว และผู้ใช้รถใช้ถนนที่ร่วมทางสัญจร หากไม่แน่ใจว่าสินค้าที่ซื้อมาเป็นสินค้าจริงหรือไม่ ก็สามารถนำไปสอบถามกับศูนย์ให้บริการลูกค้าได้โดยตรง นอกจากนี้ ขอแนะนำให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าและใช้บริการจากศูนย์บริการที่ได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทตัวแทน ซึ่งจะเสนอจำหน่ายสินค้าที่ได้รับมาตรฐานโดยตรงจากบริษัทตัวแทนเท่านั้น และการจำหน่ายสินค้าที่ปลอมเครื่องหมายในลักษณะนี้เป็นการกระทำความผิดกฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งมีอัตราโทษอย่างสูงจำคุกไม่เกินสี่ปีหรือปรับไม่เกินสี่แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และยังเสี่ยงที่จะถูกเจ้าของสิทธิ์ฟ้องร้อง เรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งอีกด้วย