ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คาดเป็นไปได้สูงที่ โอมิครอน BF.7 จะระบาดเป็นสายพันธุ์หลักในไทย

วันที่ 30 พ.ย. 2565 เวลา 12:14 น.

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ วิเคราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด สายพันธุ์โอมิครอน BF.7 ที่กำลังระบาดหนักในจีน โดยประเมินว่ามีความเป็นไปได้สูงที่โอมิครอน BF.7 จะเข้ามาระบาดเป็นสายพันธุ์หลักในไทย ขณะนี้เจอแล้ว 3 ราย สายพันธุ์นี้ ติดต่อง่าย แพร่เชื้อได้มาก หลบภูมิเก่ง ป้องกันยากขึ้น มี 5 อาการเด่นที่สังเกตได้ วันนี้ (30 พ.ย.65) ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการระบาดโควิด สายพันธุ์โอมิครอน BF.7 ที่กำลังระบาดเป็นสายพันธุ์หลักที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ซึ่งพบมากกว่า 1,000 รายต่อวัน โดยไม่มีทีท่าจะสงบลง  โดยระบุว่าโควิดสายพันธุ์โอมิครอน BF.7 เป็นหนึ่งในบรรดาลูกของ BA.5   สำหรับสายพันธุ์โควิดที่ระบาดใหญ่ในนครปักกิ่งขณะนี้มี 3 สายพันธุ์คือ BF.7, BA.5.2, และ BA.5.1.7  คาดว่าแพร่มาจากแถบมองโกเลีย ในประเทศจีน  โดย BF.7 เป็นสายพันธุ์หลัก มี 5 อาการที่พบบ่อยคือ คัดจมูก เจ็บคอ ไอ อ่อนเพลีย และน้ำมูกไหล และมีรายงานพบโอมิครอน BF.7 อยู่ในหลายประเทศได้แก่ เบลเยียม จีน มองโกเลีย เดนมาร์ก นอร์เวย์ ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา รวมทั้งไทย จากข้อมูลโควิดโลก กิสเสด (GISAID) พบโควิดสายพันธุ์โอมิครอน BF.7 ในประเทศไทยแล้ว 3 ราย (ข้อมูลจนถึงวันที่ 30 พ.ย.65) สำหรับสายพันธุ์ โอมิครอน BF.7  เมื่อเปรียบเทียบกับ BA.1, BA.2, BA.5 แล้วพบว่า BF.7  จะแพร่เชื้อได้ดีกว่ามากด้วยศักยภาพในการหลบเลี่ยงของภูมิคุ้มกันที่แรงกว่า ระยะฟักตัวที่สั้นกว่า(2-3 วัน) และความเร็วในการแพร่เชื้อใกล้เคียงกับ BA.2.75 แต่ยังเป็นรอง XBB และ BQ.1 ในสหรัฐอเมริกาพบมากเป็นอันดับที่ 4 ประมาณ 7% มีการประเมินว่าอัตราการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์ "เดลต้า" อยู่ที่ประมาณ 5 ถึง 6 ซึ่งหมายความว่าผู้ติดเชื้อจะแพร่เชื้อไปยังคนอื่นโดยเฉลี่ย 5 หรือ 6 คนโดยที่ไม่มีมาตรการควบคุม (ไม่สวมหน้ากากอนามัย ไม่มีการเว้นระยะห่างทางกายภาพ และไม่ฉีดวัคซีน) โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BF.7 มีค่า R0 เท่ากับ 10 ถึง 18.6 ซึ่งทำให้สายพันธุ์นี้เป็นโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยที่แพร่เชื้อได้มากที่สุดสายพันธุ์หนึ่งในตระกูลโอมิครอน ทำให้เกิดความยากลำบากมากขึ้นในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด  จากการนำข้อมูลรหัสพันธุกรรมของโอมิครอนแต่ละสายพันธุ์ในช่วงเวลา 6 เดือนของการระบาดมาคำนวณ พบว่า โอมิครอน BF.7  ซึ่งเป็นรุ่นลูกของ BA.5 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BA.5.2, BA.5.1.7 ประมาณ 22% ทำให้เกิดระบาดเป็นสายพันธุ์หลักในกรุงปักกิ่งได้  การแพร่ระบาดแต่ละสายพันธุ์ • โอมิครอน BA.2.75  มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BF.7 ประมาณ 11% • โอมิครอน BN.1 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BF.7 ประมาณ 97%  • โอมิครอน XBB มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BF.7 ประมาณ 90%  • โอมิครอน  XBB.1 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BF.7 ประมาณ 139% • โอมิครอน BQ.1 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BF.7 ประมาณ 111%  • โอมิครอน BQ.1.1 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BF.7 ประมาณ 147%  ดังนั้น จึงเป็นไปได้ยากที่โอมิครอน BF.7 ที่พบในไทยจะเกิดระบาดแซงหน้าสายพันธุ์อื่นกลายเป็นสายพันธุ์หลักเหมือนที่กรุงปักกิ่ง  เนื่องจากประเทศไทยมีโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2.75, BN.1,XBB,XBB.1,BQ.1,BQ.1.1, และ CH.1.1 ครองพื้นที่อยู่ก่อนแล้วซึ่งล้วนแล้วมีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BF.7  ทั้งสิ้น   แม้แต่โอมิครอน BF.7 ที่พบในปักกิ่งเอง ผู้เชี่ยวชาญก็เชื่อว่าไม่ช้าจะถูกแทนที่ด้วย  BQ.1 (หลานของ BA.5) และ CH.1.1 (เหลนของ BA.2) ที่แพร่มาจากฝากฮ่องกง